อาจจะได้เห็นผลงานของเพลย์เมคเกอร์คนนี้ไปอีกไม่นานเสียแล้ว เมื่อ James Rodriguez ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตัวเขาจะไม่ลงเล่นไปจนตัวเองไม่ไหวแน่นอน โดยกองกลางของเอฟเวอร์ตันคนนี้จะมีอายุครบ 30 ปีในช่วงเดือนกรกฎาคม แต่ผู้เล่นตัวหลักของทีมชาติโคลัมเบียกลับไม่ต้องการฝืนร่างกายและเล่นฟุตบอลในช่วงที่ตัวเขามีอายุมากเกินไป แม้ว่าเจ้าตัวจะยังอยู่ในผลงานที่ดีในฤดูกาลแรกกับพรีเมียร์ลีกทั้งการยิงได้ถึงหกประตูและปรับตัวให้เขากับการเล่นสไตล์ใหม่ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

"James Rodriguez" ที่อาจแขวนสตั๊ด

“James Rodriguez” ได้ออกมาให้สื่อสัมภาษณ์อนาคตของตน

                หลังจากที่เพลย์เมคเกอร์คนนี้ได้ถูกสื่อจากบ้านเกิดสัมภาษณ์นั้น เจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่า เขายังไม่ได้คิดถึงอนาคตของตัวเองเท่าไหร่นักและยังตอบไม่ได้ด้วยว่า เขาต้องการจะประกาศเลิกเล่นกับสโมสรใด แต่ทว่ามันจะเกิดขึ้นอีกไม่นานอย่างแน่นอน แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวยังสนุกกับเกมในสนามให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ James ยังสนใจที่จะสอนนักฟุตบอลรุ่นน้องและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ เพราะว่า นักเตะที่อายุเกินเลขสามไปแล้วนั้น พวกเขาก็เหลือเวลาลงเล่นอีกไม่นานแล้ว

"James Rodriguez" ที่อาจแขวนสตั๊ด

                ส่วนอาชีพของเพลย์เมคเกอร์วัย 30 ปีคนนี้ได้เริ่มต้นสร้างชื่อมาจากทีมเอ็นวิกาโดที่ประเทศโคลัมเบีย ก่อนที่ย้ายมาสู่อาร์เจนติน่าเพื่อค้าแข้งกับทีมแบนฟิลด์ จนกระทั่งผลงานมาเข้าตาทีมจากยุโรปอย่างปอร์โตและสร้างชื่อเสียงของตัวเองนับตั้งแต่นั้น อีกทั้งยังมีโอกาสได้ไปร่วมทีมดังอย่างโมนาโกและขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยการไปคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกกับทางรีลมาดริดได้ถึงสองสมัย แต่ทว่าหลายคนก็ยังมองว่า ผลงานของเจ้าตัวไม่เข้าตาเท่าไหร่นัก จนต้องถูกส่งตัวไปให้บาเยิร์นมิวนิคยืมตัว ก่อนมาจบลงที่เอฟเวอร์ตันในปัจจุบัน

                แม้ว่าช่วงแรกของ James Rodriguez ในพรีเมียร์ลีกจะไม่ได้ทำผลงานได้ร้อนแรงเท่าไหร่นัก แต่ทว่าเพลย์เมคเกอร์คนนี้กลับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เอฟเวอร์ตันเริ่มก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับสูงขึ้นในลีกอังกฤษ แม้ว่าปัจจุบันพวกเขาจะยังไม่มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งเพียงพอในการลุยไปตลอดฤดุกาลก็ตาม

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ufabet1 เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก

ต้องยอมรับเลยว่า มีความฟิตสุดยอดเหนือมนุษย์อย่างแท้จริง สำหรับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ปราการหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษ วัย 28 ปี ผู้เป็นกัปตันทีมของทัพ “ ปีศาจแดง ” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก หลังเขาทาบสถิติของ แกรี พัลลิสเตอร์ อดีตปราการหลังระดับตำนานช่วงยุค 90 ด้วยการลงเล่นให้กับต้นสังกัด แบบเต็มเกม

เป็นระยะเวลา 90 นาที ติดต่อกันยาวนานถึง 71 เกม ในลีกสูงสุดของวงการฟุตบอลแดนผู้ดี ซึ่งนี่ถือเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยทีเดียว

แฮร์รี แม็คไกวร์ถือเป็นปราการหลังที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก ทำลายสถิติเดิมของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ของทัพ “ หงส์แดง ” ลิเวอร์พูล หลังย้ายจากทัพ “ จิ้งจอกสยาม ” เลสเตอร์ ซิตี้ มาค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยค่าตัวสูงถึง 80 ล้านปอนด์ ( 1,200 ล้านบาท ) แถมยังได้รับความไว้วางใจจากกุนซือใหญ่สายเลือดนอร์เวย์ อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมอีกด้วย

"แม็คไกวร์" คุ้มค่า

นี่ก็ถือเป็นเครื่องหมายที่สามารถยืนยันถึงคุณภาพของ “แฮร์รี แม็คไกวร์” ได้เป็นอย่างดี

มันเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ปราการหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษ วัย 28 กะรัตรายนี้ มีความสำคัญกับทัพ ปีศาจแดง มากเพียงใด และถ้าหากเขาไม่ได้ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างหนัก หรือ ติดโทษแบนห้ามลงสนาม แฮร์รี แม็คไกวร์ก็มักจะได้รับโอกาสจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้ลงบัญชาเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เสมอ โดยมี วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ปราการหลังดีกรีทีมชาติสวีเดน เป็นคู่ขา

สำหรับเวลานี้ แฮร์รี แม็คไกวร์ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความฟิตเป็นอย่างมาก หลังลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบเต็มเกม เป็นระยะเวลา 90 นาที ในพรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 71 เกมติดต่อกัน สร้างสถิติกลายเป็นนักเตะในตำแหน่งเอาท์ฟิลด์ ที่ลงสนามให้กับทีมแบบครบทุกวินาที ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

เทียบเท่ากับ แกรี พัลลิสเตอร์ อดีตปราการหลังระดับตำนาน ในช่วงยุค 90 ที่สร้างเคยสถิติดังกล่าว เอาไว้ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ของปี 1993 ไปจนถึงช่วงเดือน พฤษภาคม ของปี 1995

โดยทางด้านของ แฮร์รี แม็คไกวร์มีโอกาสสูงมาก ที่จะทำลายสถิติเดิมของ แกรี พิลลิสเตอร์ ลงได้ เพราะเขากำลังจะได้ฉลองการทำลายสถิติใหม่ ในศึกแดงเดือด ที่จะต้องเปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของทัพ “ หงส์แดง ” ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ซึ่ง แฮร์รี แม็คไกวร์ก็จะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม นำขุนพลของทัพ ปีศาจแดง เดินลงสนามอย่างแน่นอน ถ้าหากตัวเขาไม่โชคร้าย มีอาการบาดเจ็บตามรบกวนจนพลาดการลงสนามในเกมดังกล่าว

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ufabet777 เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก

เดลี เมลล์ สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศอังกฤษ ได้ออกมารายงานว่า ทัพ “ ปีศาจแดง ” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวทีพรีเมียร์ลีก กำลังพิจารณาที่จะปล่อยตัว ลี แกรนท์ ผู้รักษาประตูมากประสบการณ์ วัย 38 ปี ออกจากทีม ในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากสัญญาฉบับปัจจุบันของเขากับทางต้นสังกัด กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า ต้องการที่จะเก็บตัว ลี แกรนท์ ผู้รักษาประตูมือสี่ ของสโมสรเอาไว้ หลังมีเงื่อนไขขยายสัญญาเพิ่มเติมออกไปอีก 1 ปี แต่สถานการณ์ล่าสุด กลับไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

เพราะล่าสุด เดลี เมลล์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมพิจารณาที่จะปล่อยตัว ลี แกรนท์ ออกจากทีมในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นช่วงที่สัญญาฉบับปัจจุบันของเขาสิ้นสุดลงพอดี

ปีศาจแดง

ลี แกรนท์” รู้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก จากการกระทำของ ปีศาจแดง

ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก็ทำให้ ลี แกรนท์ รู้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก เนื่องจากตัวเขาต้องการที่จะค้าแข้งอยู่ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไป แม้ว่าจะเป็นในฐานะผู้รักษาประตูมือสี่ก็ตามก่อนหน้านี้ ผู้รักษาประตูมากประสบการณ์วัย 38 ปี ยินยอมที่จะนั่งเป็นตัวสำรองอดทนให้กับทัพ ปีศาจแดง มาโดยตลอด อยู่ในฐานะของตัวสำรองต่อจาก ดาบิด เด เกอา, ดีน เฮนเดอร์สัน และ เซร์คิโอ โรเมโร่

นอกจาก ลี แกรนท์ จะแสดงความเป็นมืออาชีพด้วยการไม่เคยงอแง เรียกร้องขอโอกาสเฝ้าเสา เขายังรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของสตาฟโค้ช ร่วมติวเข้มให้กับผู้รักษาประตูดาวรุ่งอนาคตไกลภายในทัพปีศาจแดงอีกด้วย และการกระทำของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติ ลี แกรนท์ เลยแม้แต่น้อย

ว่ากันว่า สาเหตุหลักที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการที่จะปล่อยตัว ลี แกรนท์ ออกจากทีม ในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึง ก็เป็นว่า ลี แกรนท์ รับค่าเหนื่อยสูงถึงสัปดาห์ละ 30,000 ปอนด์ ( 1.2 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงอย่างมาก สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูมือสี่ และถือเป็นรายจ่ายที่ไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไรนัก ในสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตทางการเงินในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด – 19

โดยทางด้านของ ลี แกรนท์ ย้ายจากทัพ “ ช่างปั้นหม้อ ” สโต๊ค ซิตี้ มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ โจเซ่ มูรินโญ่ ด้วยค่าตัวราว 1.5 ล้านปอนด์ ( 60 ล้านบาท ) ในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ ของปี 2018 แต่เพิ่งจะได้รับโอกาสลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น ซึ่งครึ่งหนึ่ง ลี แกรนท์ นอกจากรับหน้าที่ผู้รักษาประตูสำรองแล้ว ยังเคยรับหน้าที่เป็นคนยกป้ายไฟเปลี่ยนตัวนักเตะมาแล้ว

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ufabet เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก

คาริม เบนเซม่า กองหน้าสายเลือดน้ำหอม วัย 33 กะรัต ของทัพ “ ราชันชุดขาว ” เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลแดนกระทิงดุ กลายเป็นนักเตะที่สามารถทำแอสซิสต์ในศึกลาลีกา สเปน ในช่วงศตวรรษที่ 21 ได้มากที่สุดของสโมสร หลังทำไปแล้ว 88 แอสซิสต์ แซงหน้าเจ้าของสถิติคนเก่า อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ดีกรีทีมชาติโปรตุเกส ที่เคยทำเอาไว้ที่ 87 แอสซิส ทำลายอีกหนึ่งสถิติของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้สำเร็จ

เบนเซม่า

เบนเซม่า” ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะคนสำคัญของ เรอัล มาดริด

ต้องยอมรับเลยว่า คาริม เบนเซม่า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะคนสำคัญของ เรอัล มาดริด อย่างเต็มตัว นับตั้งแต่ทัพ “ ราชันชุดขาว ” ไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งในฤดูกาล 2020 – 2021 คาริม เบนเซม่า สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กดไปแล้ว 21 ประตู พร้อมกับทำไปอีก 7 แอสซิสต์

จากการลงสนาม 28 เกม ในศึกลาลีกา สเปน เรียกได้ว่า กองหน้าเลือดน้ำหอม วัย 33 ปี รายนี้ มีส่วนร่วมกับการทำ 1 ประตู ทุกเกมที่ลงเล่น นับเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก

แต่สิ่งที่เหนือวกว่าสถิติดังกล่าว ก็คือการก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่สามารถทำแอสซิสในศึกลาลี กา สเปน ในช่วงศตวรรษที่ 21 ได้มากที่สุดของสโมสร โดยทำไปได้มากถึง 88 แอสซิสต์ แซงหน้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าของสถิติคนเก่า ที่เคยทำเอาไว้ที่ 87 แอสซิสต์ นับเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีฟอร์มการที่สม่ำเสมอ

และคงเส้นคงวามาตลอด นับตั้งแต่ย้ายจาก โอลิมปิก ลียง มาค้าแข้งในถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว เมื่อปี 2019 หรือเมื่อ 12 ปี ก่อน

ในเวลานี้ มีนักเตะเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ที่สามารถยิงประตูให้กับทัพ “ ราชันชุดขาว ” เรอัล มาดริด ได้มากกว่า คาริม เบนเซม่า นั่นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ทำไป 450 ประตู, ราอูล กอนซาเลซ ที่ทำไป 323 ประตู, อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ที่ทำไป 308 ประตู, กอนซาเลซ ซานตีนาย่า และ การ์ลอส อลอนโซ่ ที่ทำไป 290 ประตูเท่ากัน ขณะที่ คาริม เบนเซมา ทำไปแล้ว 276 ประตู

ซึ่งถ้าหากเขาลงเล่นไปจนถึงปี 2023 ครบสัญญากับ เรอัล มาดริด ก็มีโอกาสสูงไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ตัวเขาจะแซงหน้าอดีตกองหน้าระดับตำนานหลาย ๆ คนของสโมสร ขึ้นมาติดท็อป 3 อันดับดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทัพ ราชันชุดขาว

หรือถ้าหากเขาต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก บางที คาริม เบนเซม่าอาจจะมีโอกาสทำลายสถิติเดิมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เป็นได้ และเมื่อนั้น เขาจะต้องได้รับการยกย่องจากแฟนบอลให้เป็นตำนานแห่งถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว อย่างแน่นอน

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ทางเข้าจีคลับ เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, ลาลีกา

                เคเลชี่ อิคเฮนาโช ดาวยิงของ เลสเตอร์ ซิตี โชว์ผลงานเด็ดดวงออกมาอีกครั้งคราวนี้ทำแอสซิสท์ 1 ลูก ยิงเองอีก 1 ลูก ช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไปหวุดหวิด 2 – 1 ยึดอันดับที่ 3 ของตารางคะแนนอย่างเหนียวแน่น

                ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตีเปิดสนาม “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ต้อนรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ โดยเกมนี้เจ้าบ้านมุ่งเน้นเป็นอย่างมากที่จะเอา 3 คะแนน นั่นก็เพื่อการันตีอันดับที่ 3 เอาไว้ให้ได้

เลสเตอร์ ซิตี ชนะ พาเลซ

เริ่มต้นมาเป็น เลสเตอร์ ซิตี ที่เปิดเกมบุกได้ดีมากกว่า

                แต่สุดท้ายกลายเป็น คริสตัล พาเลซ ที่ได้ประตูขึ้นนำ 0 – 1 จากจังหวะที่ คริสเตียน เบนเตเก้ แซะบอลมาจาก ยูริ ตีเลอมองส์ ก่อนที่บอลจะมาถึง เอเบเรซี่ เอเซ่ จากนั้นบอลมาถึง วิลฟรีด ซาฮา ก่อนที่ ซาฮา จะซัดบอลเข้าไป และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

เลสเตอร์ ซิตี ชนะ พาเลซ

                เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 5 นาที เลสเตอร์ ซิตีก็ตามตีเสมออย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ยูริ ตีเลอมองส์ ตักบอลให้กับ อิคเฮนาโช่ ก่อนที่ดาวเตะชาวทีมชาติไนจีเรียจะจ่ายต่อให้กับ ติโมธี คาสตาญ ซัดเข้าไปอย่างสวยงาม แม้ว่ากรรมการจะมาเช็ควีเออาร์ย้อนหลังเพื่อดูความเป็นไปได้ที่จะแฮนด์บอลอิคเฮนาโช่เสียก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                เลสเตอร์ ซิตีเมื่อได้ประตูตีเสมอ ก็เปิดเกมบุกแหลกทันทีเพื่อเอาประตูขึ้นนำ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งนาที 80 ประตูที่สาวกเลสเตอร์ ซิตีรอคอยก็มาถึงจากจังหวะที่ จอนนี่ อีแวนส์ วางบอลยาวมาด้านหน้า อิคเฮนาโช่ ตามไปเก็บเอาไว้ได้

ก่อนจะลากตัดกลับมาแล้วกดเต็มข้อบอลพุ่งแรงชนิดที่ว่า บิเซนเต้ ไกวต้า นายทวารของ คริสตัล พาเลซ ได้แค่ยืนมอง จบ 90 นาที เลสเตอร์ ซิตีเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไป 2 – 1 เก็บเพิ่มเป็น 62 คะแนนยึดที่สามอย่างเหนียวแน่น

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ โจ๊กเกอร์123 เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก

                นาโปลี ยอดทีมแห่งกัลโช่ เซเรีย อา ภายใต้การนำของ เจนนาโร กัตตูโซ่ โชว์ฟอร์มร้อนแรงบุกไปเอาชนะ โตริโน ขาดลอย 2 – 0 เก็บเพิ่มเป็น 66 คะแนน เท่ากับ ยูเวนตุส แต่ประตูได้เสียดีกว่า เลยแซง “ม้าลาย” ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของตารางคะแนน

                ศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา โตริโน เปิดสนาม “สตาดิโก โอลิมปิโก ตูริน” ต้อนรับการมาเยือนของนาโปลี เจ้าบ้านกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีไม่แพ้ใครมาแล้ว 4 นัดติดกัน ขณะที่นาโปลี 11 นัดหลังสุดในทุกรายการแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น

นาโปลี ดับซ่า โตริโน

เริ่มเกมมาได้เพียงแค่ 10 นาที นาโปลี ก็ได้ประตูออกนำ 0 – 1 อย่างรวดเร็ว

                จากความสามารถของ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ ที่โชว์สกิลแหวกบอลผ่านผู้เล่นของ โตริโน จนเข้าระยะ 18 หลา ก่อนจะอัดด้วยขวาบอลพุ่งเข้ากรอบผ่านมือของ ซัลวาตอเร่ ซิริกรู กระทบตาข่ายอย่างสวยงาม

                เท่านั้นยังไม่พอในอีก 3 นาทีถัดมา นาโปลีก็หนีห่างเป็น 0 – 2 จากจังหวะที่บอลยาวมาจากแดนของตัวเอง และเป็น วิคเตอร์ โอฮิมเซน ที่ฉกบอลมาจาก นิโกโล่ส์ เอ็นคุนคู ก่อนจะลากบอลเข้าเขตโทษและจิ้มบอลไปแฉลบเท้าของ เบรเมอร์ บอลเลยไหลสวนตัวของ ซิริกรู เข้าไป จบ 45 นาทีแรก นาโปลีนำห่าง โตริโน 2 – 0

นาโปลี ดับซ่า โตริโน

                ครึ่งหลัง โตริโน่ ที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเปิดเกมและกับนาโปลี อย่างสนุก แต่จังหวะสุดท้ายของทั้งคู่ยังไม่เด็ดขาดพอแถมยังต้องชมทั้ง ซัลวาตาเร่ ซิริกรู นายด่าน “กระทิงหิน” และ อเล็กซ์ เมเร็ต นายด่านของ “อัซซูร่า” ที่ต่างโชว์ฟอร์มเซฟกันอย่างอุตลุด จบ 90 นาที

โตริโน พ่ายให้กับนาโปลี 0 – 2 “อัซซูร่า” เก็บเพิ่มเป็น 66 แต้มเท่ากับ ยูเวนตุส แต่ประตูได้เสียดีกว่า เลยทะยานขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของตารางคะแนนเป็นที่เรียบร้อย

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ufabet55 เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, เซเรียอา

            ซามูเอล เอโต้ ตำนานกองทีมชาติประเทศแคเมอรูน ลงทุนควักกระเป๋าซื้อรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐานต่าง ๆ จำนวน 10 คัน เพื่อบริจาคให้กับโรงพยาบาลในประเทศบ้านเกิดไว้ใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยจากโรคโควิด-19  โดยการออกมาช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวสูญเงินกว่าครึ่งล้านปอนด์เลยทีเดียว

"ซามูเอล เอโต้" ใจหล่อมาก

ซามูเอล เอโต้” ควักเงิน 530,000 ปอนด์ ซื้อรถพยายาล 10 คัน

            โดย ซามูเอล เอโต้ตำนานกองหน้าของสโมสร บาร์เซโลน่า และ อินเตอร์ มิลาน ควักเงินส่วนตัวกว่า 530,000 ปอนด์ หรือประมาณ 20 ล้านบาท ซื้อรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวน 10 คัน เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลในประเทศแคมเมอรูนนนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ช่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศบ้านเกิดของเจ้าตัวอย่างหนัก

โดยจนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อไปแล้วกว่า 65,000 ราย และเสียชีวิตไปเกือบ 1,000 รายแล้ว ทั้งนี้ อดีตดาวเตะวัย 40 ปี ได้ออกมาเปิดใจผ่าน อินสตาแกรม ส่วนตัวถึงการช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ว่า “การมอบรถพยาบาล 10 คันให้กับโรงพยาบาลในประเทศแคมเมอรูนนับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ผมได้ทำเพื่อประเทศของผม ซึ่งจะมีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน”

"ซามูเอล เอโต้" ใจหล่อมาก

            อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ซามูเอล เอโต้ยอมควักเงินส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือสังคมในประเทศบ้านเกิด เพราะเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว เจ้าตัวก็เคยควักเงินกว่า 1 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 38 ล้านบาท เพื่อสร้างห้องผู้ป่วยเด็กของโรงพยาบาลลาควินตินี่ ในเมืองดูอาลา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าตัวนั่นเอง  นอกจากนี้ อดีตหัวหอก “งูใหญ่” ยังก่อตั้งมูลนิธิสำหรับจัดหาหน้ากากอนามัยและอาหารในประเทศบ้านเกิดอีกด้วย

"ซามูเอล เอโต้" ใจหล่อมาก

            สำหรับ ซามูเอล เอโต้ถือเป็นตำนานกองหน้าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ บาร์เซโลน่า และ อินเตอร์ มิลาน เคยคว้า “ทริปเบิ้ลแชมป์” กับทั้ง 2 สโมสร ได้แก่ แชมป์ ลา ลิกา, โคปาเดเล, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซีซัน 2008/2009 กับ บาร์เซโลนา และแชมป์ กัลโช่ เซเรียอา, โคปา อิตาเลีย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กับ อินเตอร์ มิลาน ในซีซัน 2009/2010  ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดกับสโมสร การ์ตา เอสซี เมื่อปี 2019

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ufa9999 เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล

            เอริค ไบยี่ ยอดปราการหลังของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตัดสินใจค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไป หลังจรดปากต่อต่อสัญญากับต้นสังกัดอีก 3 ปี ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวตกเป็นข่าวว่าต้องการย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้

เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามในซีซันนี้เท่าที่ควร  โดยแนวรับชาวไอวอรี่โคสต์เผยว่า ตนมีความสุขและรักสโมสรแห่งนี้อย่างมาก

เอริค ไบยี่

เอริค ไบยี่ ต่อสัญญากับ “แมนยู” ถึงซัมเมอร์ปี 2024

            เอริค ไบยี่เซ็นเตอร์แบ็กจอมขยันของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาว่า เจ้าตัวได้ต่อสัญญากับทัพ “ปีศาจแดง” ออกไปอีก 3 ปี ถึงเดือนมิถุนายน ปี 2024 พร้อมออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี ถือเป็นการสยบข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ดาวเตะวัย 27 ปี รู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้กับการเป็นเพียงตัวสำรองจนไม่ได้รับโอกาสลงสนามในซีซันนี้เท่าที่ควร และต้องการเก็บข้าวของย้ายออกจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อกลับไปค้าแข้งยังเวที ลา ลิกา สเปน อีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้

เอริค ไบยี่

            ทั้งนี้ เอริค ไบยี่เปิดเผยหลังจรดปากกาต่อสัญญาว่า “ผมมีความสุขมาก ผมแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยด้วยซ้ำ ผมรัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ สัญญาฉบับนี้เปรียบเหมือนความท้าทายครั้งใหม่ ซึ่งผมก็พร้อมแล้ว”

เอริค ไบยี่

            สำหรับ เอริค ไบยี่ย้ายจาก บียาร์เรอัล มาค้าแข้งกับทัพ “ปีศาจแดง” เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2016 แต่ด้วยสไตล์การเล่นชนิดถึงลูกถึงคน ส่งผลให้เจ้าตัวมักมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนทุกซีซัน โดยนับตั้งแต่ซีซัน 2017/2018 ไบยี่ไม่เคยลงสนามให้ต้นสังกัดเกิน 20 นัด เลยแม้แต่ฤดูกาลเดียว และเจ้าตัวเพิ่งลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบ 100 นัดเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับทีมมาถึง 5 ฤดูกาล  ส่วนในฤดูกาลนี้ ไอบยี่ได้ลงเล่นในเกม พรีเมียร์ลีก ไปเพียง 8 เกมเท่านั้น เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บนั่นเอง

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ ป๊อกเด้ง เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก

            เรอัล มาดริด มหาอำนาจลูกหนังแห่งเวที ลา ลิกา สเปน ตกเป็นข่าวว่า กำลังวางแผนคว้าตัว “ฟาบินโญ่” แนวรับสารพัดประโยชน์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไปเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อทดแทน “ราฟาเอล วาราน” ปราการหลังเลือดน้ำหอมที่อาจเก็บข้าวของย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว หลังจบฤดูกาลนี้

ขณะที่สื่อดังแดนกระทิงดุได้ออกมาเปิดเผยว่า ฟาบินโญ่ กำลังลังเลที่จะค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อในฤดูกาลหน้า เนื่องจากยังไม่แน่ใจในทิศทางของสโมสร

เรอัล มาดริด เล็ง ฟาบินโญ่

เรอัล มาดริด หวังดึง “ฟาบินโญ่” รับมือ “ไวจ์นัลดุม” ของบาร์ซ่า

            ตามการเปิดเผยของ ฟิชาเฆส สื่อดังของสเปน เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ระบุว่า เรอัล มาดริดกำลังให้ความสนใจดึงตัว “ฟาบินโญ่” กองกลางร่างโย่งของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สโมสรดังแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมทีมอย่าง “จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม” บอกปัดที่จะต่อสัญญากับต้นสังกัดและเตรียมย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ ไปค้าแข้งกับ บาร์เซโลนา แบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้  นอกจากนี้ สื่อเจ้าเดิมยังเสริมอีกว่า มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์กำลังลังเลอย่างหนักที่จะค้าแข้งในเมืองลิเวอร์พูลต่อไป เนื่องจากมีโอกาสสูงที่ต้นสังกัดจะชวดไปลุยเวทียุโรป โดยเฉพาะรายการ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้านั่นเอง ซึ่งหากดาวเตะวัย 27 ย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริดก็จะกลายเป็นแข้ง ลิเวอร์พูล รายที่สองที่ย้ายไปโลดแล่นยังเวที ลา ลิกา ในฤดูกาลหน้า 

เรอัล มาดริด เล็ง ฟาบินโญ่

            ทั้งนี้ คาดว่า เรอัล มาดริดกำลังมองหาแนวรับที่ไว้วางใจได้สำหรับแทนตำแหน่งของ “ราฟาเอล วาราน” เซ็นเตอร์แบ็กชาวฝรั่งเศสที่อาจย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้ โดยมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เชลซี ให้ความสนใจคว้าตัวไปร่วมทีม  สำหรับ ฟาบินโญ่ เคยเล่นอยู่กับ เรอัล มาดริดในซีซัน 2012/2013 ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ โมนาโก และย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เป็นกำลังสำคัญช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก สมัยที่ 6 และปลดล็อคแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกของสโมสรได้สำเร็จ  

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ sexy baccarat เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก

“ทัพหงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงสนามในพรีเมียร์ลีก นัดที่ 33 เป็นฝ่ายเปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “ทัพสาลิกาดง” นิวคาสเซิล เกมนี้ ลูกทีมของ เจอเกนย์ คล็อปป์ เป็นฝ่ายออกนำเร็ว ตั้งแต่ 4 นาทีแรก จากฝีเท้าของ โม ซาลาห์ และหลังจากนั้น พวกเขามีโอกาสปิดเกมอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่จบไม่คมเอง และสุดท้าย มาโดนทีเด็ดของ โจ วิลล็อค กดประตูตีเสมอ ในนาที 90+5 ทำให้แบ่งกันไปฝั่งละ 1 คะแนน

ผ่าน 33 เกม ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 54 คะแนน อยู่อันดับที่ 6 ตามหลังทีมอันดับ 4 เชลซี และทีมอันดับ 5 เวสแฮมต์ ยูไนเต็ด 1 คะแนน แต่ลงสนามมากกว่า 1 นัด และสองทีมข้างบนต้องเจอกันเองในนัดต่อไป มีโอกาสที่จะโดนทิ้ง 4 แต้ม หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งชนะ

"คล็อปป์" เซ็ง!

คล็อปป์ กล่าว “พวกเราสร้างโอกาสยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ”

ซึ่งทาง เจอเกนย์ คล็อปป์ได้กล่าวหลังจบเกมว่า “พวกเราสร้างโอกาสยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เราเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม จริงๆแล้วในจังหวะพวกนั้น เราควรที่จะเปลี่ยนเป็นประตูให้ได้

เราควรจะฝังพวกเขาในเกมนี้ให้เร็ว แต่เราดันปล่อยพวกเขาไว้ เรายังให้โอกาสพวกเขาอยู่ในเกม สกอร์ห่างแค่ลูกเดียว อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ถึงแม้พวกเขาจะถอยลงไปรับลึกถึง 9 คนก็ตาม

ผมขอถามหน่อยเถอะ หากมีทีมที่มีโอกาสยิงอย่างมากมาย แล้วทำได้แค่นี้ ยิงนกตกปลาแบบนี้ จะสามารถเก็บชัยชนะกลับบ้านได้ยังไง แต่เรายังโชคดีนะ ที่ประตูแรกของพวกเขาถูก VAR ยึดคืน ถือเป็นของขวัญชิ้นงามจากทีมงาน VAR ที่มอบให้กับเรา

เกมนี้ผมมองว่าเราควรจะได้สามคะแนน แต่ นิวคาสเซิล พวกเขาก็สมควรได้หนึ่งคะแนนกลับบ้านเช่นกัน”

โปรแกรมการแข่งขันนัดต่อไป ลิเวอร์พูล จะลงสนามนัดที่ 34 ออกไปทำศึกแดงเดือดกับ “ทัพปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูง วันที่ 2 พฤษภาคม จากนั้นจะกลับมาเล่นในบ้าน รับมือ “ทัพนักบุญแดนใต้” เซาแธมตั้น ทีมอันดับ 14 ในเกมนัดที่ 35 วันที่ 9 พฤษภาคม 2564

อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน และถ้าใครกำลังมองหาเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ สมัครได้ที่ sexypremier เพื่อความสนุก และตื่นเต้น อย่างปลอดภัย โอนไว รับเงินจริง

Posted in ข่าวฟุตบอล, พรีเมียร์ลีก