Month: July 2020
- 0
เอแด็น อาซาร์ ให้คำมั่นว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่เชลซีอีกครั้งหลังจากที่เขาเสร็จสิ้นการเตะบอลที่รีล มาดริด นั่นนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการหวนมาเตะบอลกับทีมสิงส์บลูส์อีกครั้ง
ปีกชาวเบลเยียมได้ย้ายไปเล่นที่เบอร์นาบิวเมื่อตอนต้นซีซั่น 2018/19 หรือเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา อาซาร์นับว่าเขาได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเขาแล้ว เมื่อก่อนหน้านี้เขาเคยเล่นกับเชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เมื่อย้ายมาจากลีลล์เมื่อปี 2012
อาซาร์เขาชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสองสมัย และฟุตบอลยูโรป้าลีกอีกหนึ่งสมัย,รายการ เอฟเอคัพ และลีกคัพอีกด้วย นับว่า 7 ปีทีเขาได้อยู่กับเชลซีเขาเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและกลายมาเป็นตำนานของสโมสรด้วย และแม้ว่าเขาจะอยู่ได้ไม่นาน (ไม่ถึงสิบปี) แต่ว่าเขาก็เป็นที่รักของแฟนบอลสิงห์บลูส์ทุกคนด้วยเหมือนกัน

นักเตะวัย 29 เปิดเผยความตั้งใจอย่างแน่วแน่เลยว่าเขาต้องการมาเล่นร่วมภายใต้การคุมทีมกับซีเนอดีน ซีดาน และเขาก็ได้ย้ายไปเล่นที่มาดริดสมใจเมื่อซีซั่น 2018/19 นั่นเอง
“อาซาร์” ได้ออกมาบอกกับแฟนเชลซี
แต่ว่าอาซาร์ได้ออกมาบอกกับแฟนเชลซีว่า เขาต้องการจะกลับไปเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ในวันใดวันหนึ่ง แฟร้งค์ คาลิด เวลานี้เข้าทำการรักษาอาซาร์เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2019 ที่ผ่านมา และปีกรายนี้ได้ฟื้นฟูตัวเองมาลงสนามได้เมื่อช่วงปลายปี 2019
อาซาร์กล่าวว่าเมื่อเสร็จงานจากที่นี่แล้วผมจะกลับไป อาซาร์ให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ แน่นอนว่าผมไม่ได้พูดเล่น ผมอาจจะไปเล่นร่วมกับแวร์เนอร์และฮาคิม ซิเยชก็เป็นได้ ในวันใดวันหนึ่ง
เขาทั้งสองคนเล่นได้ดี เชลซีซื้อนักเตะอย่างชาญฉลาดมากซื้อแต่คนที่อายุน้อย และเมื่อผมเสร็จงานของผมผมจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง

อดีตสตาร์ของเชลซีนั้น ได้คว้าแชมป์ลาลีกาไปแล้ว หลังจากที่รีล มาดริดนั้นคว้าชัยชนะเหนือบียาร์รีล 2-1 เกมเมื่อคืนวันพฤหัสทีผ่านมา ทำให้พวกเขาได้ถ้วยไปนอนกอดสมใจ
เชลซีเวลานี้ดูมีอนาคตมากขึ้นเลยทีเดียว และอาจจะนำเขากลับจากมาดริดอีกครั้ง โดยสิงห์บลูส์ได้เงินโบนัสจากการที่อาซาร์พาทีมได้แชมป์ฟุตบอลลาลีกาด้วยซึ่งอยู่ในเงื่อนไขว่าหากมาดริดได้แชมป์ลาลีกา หรือว่าผ่านไปเล่นในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก เชลซีต้องได้เงินโบนัสในส่วนนี้
นั้นทำให้ทีมของแลมพาร์ดมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยซื้อนักเตะเข้าสู่ทีมได้อีกแล้วในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ และใครที่เป็นแฟนบอลเชลซีน่าจะแฮปปี้อย่างมากเลยทีเดียว
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เฮอร์นานเดซ อดีตดาวยิงท่าแปลกขวัญใจชาวปีศาจแดง ได้ออกมาให้ชำแหละวิเคราะห์ถึงกรณีการทำงานของ ‘เดวิด มอยส์’ ในอดีตวันวานที่เคยรับบทบาทกุมบังเหียนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และได้ย้ำชัดว่า “ความดื้อรั้น” ของตัว เดวิด มอยส์ เอง คือสาเหตุที่ทำให้กุนซือเลือดสก็อตต์ได้ร่วมชายคาโอลแทรฟฟอร์ดเพียง 7 เดือนเท่านั้น

เดวิด มอยส์ ได้รับสืบทอดเป็นทายาทอสูรต่อจากบรมกุนซือลูกหนังอย่าง ‘เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ ในปี 2013 ซึ่งในภายหลังมีการเปิดเผยอย่างลับ ๆ ออกมาว่า เดวิด มอยส์ ไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกของ เฟอร์กี้ แต่เป็นอันดับห่างไกลถึงอันดับ 6 ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่า ยูไนเต็ดไม่สามารถตกลงกับกุนซือใน 5 อันดับก่อนมอยส์ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โจเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ
แต่การเข้ามาของ ‘The Chosen One’ ที่เขามาพร้อมกับความหวังของแฟน ๆ ปีศาจแดง เพื่อหวังสานต่อแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีก่อนหน้า แต่กุนซือชาวสก็อตต์กลับทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ราวกับใช้นักเตะคนละทีม จนกลายเป็นตัวตลกในสายต่อแฟนบอลและทีมคู่แข่ง ทำให้ทีมจบอันดับที่ 7 ในฤดูกาลนั้น และทำให้ยูไนเต็ดไม่ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง ๆ ที่ได้คุมทีมแชมป์เก่าเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ชิชาริโต้มองว่าเป็นเพราะความดื้นรั้นของตัวเขาเอง
“ชิชาริโต้” ได้ออกมาพูดถึง เดวิด มอย
ชิชาริโต้ได้ออกมาพูดถึง เดวิด มอยส์ผ่านรายการ Locker Room show ของริโอ เฟอร์ดินานด์ และได้เปิดเผยถึง
การทำทีมที่พังไม่เป็นท่าของมอยส์ โดยเขาเลือกที่จะปฏิเสธแนวทางการทำทีมที่เฟอร์กี้ได้วางเอาไว้แล้ว
โดยชิชาริโต้ ได้เผยความในใจว่า ตัวเขานั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ เดวิด มอยส์ แม้แต่นิดเดียว โดยได้ระบุว่า มอยส์เองก็เป็นโค้ชที่ดี แต่เขากลับเย่อหยิ่ง ทะนงตน ไม่ยอมรักษาหรือเก็บสมบัติที่ เซอร์ อเล็กซ์ ผู้ซึ่งเป็นบรมกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลแห่งโลกลูกหนังหลงเหลือเอาไว้ให้

เดวิด มอยส์ เลือกที่จะกำจัดทีมงานของเฟอร์กูสันออกทั้งหมด และนำเข้าสต๊าฟฟ์โค้ชของตัวเองเข้ามาทำหน้าที่แทน และด้วยบารมีที่ไม่มากพอ ทำให้เขาเกลี้ยกล่อม มารูยาน เฟลไลนี่ ลูกรัก ให้ตามมาอยู่ด้วยกัน และเป็นนักเตะใหม่เพียงรายเดียวเท่านั้น รวมถึงยังพยายามจะกำจัดนักเตะมรดกของเฟอร์กี้ไปหลายคน และทั้งหมดนั้นคือเหตุผลว่าทำไม เขาจึงได้รับโอกาสการทำทีมเพียงแต่ 7 เดือนเท่านั้น
นอกจากนั้น ชิชาริโต้ยังคิดว่า การตัดสินใจในตอนนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นความรับผิดชอบของสโมสรด้วยเช่นกัน โดยสโมสรต้องจ่ายค่าเสียหายอย่างมหาศาล กว่าจะกลับมาก่อร่างสร้างตัวได้อย่างทุกวันนี้ รวมถึงทำร้ายนักเตะที่จงรักภักดีไปแล้วหลายราย อาทิเช่น คู่เงาะแฝด ราฟาเอล – ฟาบิโอ, แดนนี่ เวลเบ็ค รวมถึงตัวชิชาริโต้เอง ที่ต่างต้องย้ายออกจากสโมสรเพื่อหาโอกาสในการลงเล่นฟุตบอลต่อไป
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
แม้จะดูเหมือนไม่มากมายนัก แต่หากเราลองมองภาพรวมของสุดยอดศูนย์หน้าของทีม ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ อย่าง ‘แฮร์รี่ เคน’ ที่ในฤดูกาลนี้ต้องบอกศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษนั้น มีสถิติการทำประตูลดลง และก็ยิ่งเห็นภาพได้อย่างได้ชัดขึ้น หากลองเทียบกับฤดูกาลที่ผ่าน ๆ มา

จากสถิติที่โชว์หราในตาราง ให้ตัวอักษรสีเขียวคือสถิติที่มากสุด ส่วนสีเหลืองคือน้อยที่สุด และแม้จะตัดเรื่องอาการบาดเจ็บที่ทำให้จำนวนเกมที่ลงเล่นน้อยลงออกไป โดยประเมินจากค่าเฉลี่ยของประตูที่ แฮร์รี่ เคนทำได้ใน 90 นาทีนั้น กลับน้อยที่สุดกว่าฤดูกาลไหน ๆ ที่ผ่านมาด้วยตัวเลขเพียง 0.57 ประตูต่อเกมเท่านั้น และการเข้ามาของ โจเซ่ มูรินโญ่ ก็ได้เปลี่ยนสไตล์การเล่นของแฮร์รี่ เคน ไปจากเวอร์ชั่นของ ปอเซ็ตติโน่ อย่างชัดเจน
บทบาทในเกมรุกของ ‘แฮร์รี่ เคน’
ในยุคของ ปอเซ็ตติโน่ นั้น แฮร์รี่ เคนถูกมอบหมายให้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าสไตล์ ‘Goal Approach’ ซึ่งจะเป็นกองหน้าที่ประจำการในไลน์เดียวกับแนวรับของคู่ต่อสู้ มีหน้าที่รอรับบอลแทงทะลุช่อง รวมถึงการอยู่ในกรอบเขตโทษเพื่อรอจังหวะแท็ปอิน แต่ในเวอร์ชั่นของ มูรินโญ่ นั้น แฮร์รี่ เคน มักจะถูกสั่งให้ถอยต่ำลงมาล้วงบอลและเชื่อมเกมกับเพื่อนมากขึ้น
พื้นที่สัมผัสบอลของ ‘แฮร์รี่ เคน’
จากฮีตแมพด้านล่างที่แสดงพื้นที่ที่ แฮร์รี่ เคนสัมผัสบอลในยุคของปอเซ็ตติโน่ จะสังเกตได้ว่า ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ มักจะพาตัวเองไปอยู่ในกรอบเขตโทษ และกว่า 90% จะอยู่ในแดนคู่แข่งซะมากกว่า

(ฮีตแมพ ในเกมพบกับ แอสตัน วิลล่า ในยุคปอเซ็ตติโน่)
ต่อมาเป็นฮีตแมพในเกมที่เอาชนะเซาท์แธมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของจ่ามู จะเห็นได้ว่าจุดสัมผัสบอลของแฮร์รี่ เคนส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณกลางสนาม

(ฮีตแมพ ในเกมกับเซาท์แธมป์ตัน ในยุคของมูรินโญ่)
การใช้ประโยชน์จาก ‘แฮร์รี่ เคน’
ในยุคของปอเซ็ตติโน่ ด้วยความที่ แฮร์รี่ เคนคือกองหน้าสไตล์ Goal Approach หน้าที่หลักของเขาจะเกี่ยวข้องกับบอลในพื้นที่สุดท้าย และจากภาพด้านล่าง ได้แสดงให้เห็นถึงการผ่านบอลของ แฮร์รี่ เคนที่ส่วนมากจะเกิดภายในบริเวณกรอบเขตโทษ และแม้ว่าจะไม่มีจังหวะยิง เคนก็ยังมีประโยชน์ในการผ่านบอลให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าลุ้นทำประตูได้

แต่ในเกมเจอกับเซาท์แธมป์ตัน ในยุคของ เดอะ สเปเชียล วัน แฮร์รี่ เคนสามารถจ่ายคีย์พาส ได้เพียงครั้งเดียวในเกม แถมเป็นการจ่ายจากนอกกรอบเขตโทษอีกต่างหาก

โอกาสยิงประตูของ ‘แฮร์รี่ เคน’
บทบาทใหม่ของเคนในยุคของมูรินโญ่นี้ ยังส่งผลกระทบต่อโอกาสในการจบสกอร์ของศูนย์หน้าไก่เดือยทองอย่างมาก ซึ่งช่วงท้ายฤดูกาลเช่นนี้ มักจะเป็นช่วงที่เขากำลังชิงดาวซัลโวเป็นประจำในหลายปีที่ผ่านมา แต่ในเวลานี้ เขาทำได้ได้เพียง 13 ประตูเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก น้อยกว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่บาดเจ็บยาวเหมือนกันอยู่ 1 ลูก

และหากยกตัวอย่างในเกมเจอกับ แอสตัน วิลล่า ในยุคของปอเซ็ตติโน่ แฮร์รี่ เคนมีโอกาสส่องประตูทั้งหมด 7 หน และ 2 จาก 7 นั้นเปลี่ยนเป็นประตูได้สำเร็จ 4 ใน 7 โอกาสนั้นเป็นการยิงจากในกรอบเขตโทษ

ส่วนในเกมปะทะเซาท์แธมป์ตันภายใต้การคุมทีมของมูรินโญ่ แฮร์รี่ เคนมีโอกาสยิงเพียง 2 ครั้ง เท่านั้นจากเวลาทั้งเกม และเป็น 2 ครั้งที่มาจากการยิงนอกกรอบเขตโทษทั้งหมดอีกด้วย
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
หากให้ตั้งคำถามถึงอาชีพในฝันของเด็ก ๆ ในอดีต มักจะถูกกล่าวถึงอาชีพ แพทย์ หรือ ข้าราชการ อย่างไรก็ตาม ยุคสมัยใหม่ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะถ้าท่านไปถามคำถามเดียวกันตอนนี้ “นักฟุตบอลอาชีพ” จะเป็นอาชีพหนึ่งที่เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็ก ๆ อย่างแน่นอน เพราะรายได้จากการเป็นนักฟุตบอลในวงการฟุตบอลอาชีพ โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกมันสูงมาก และหนึ่งในทีมฟุตบอลที่ได้ชื่อว่าได้รับการติดตามมากที่สุดทีมหนึ่งในโลกนั้นก็คือ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีกที่มีชื่อเสียงโด่งดังลูกเด็กเล็กแดงในประเทศไทย ต่างก็รู้จักตั้งแต่เมื่อ 20-30 ปีก่อน เพราะมีนักเตะผีแดงผู้มากฝีมือและแน่นอนค่าเหนื่อยที่ต้องจ่ายให้พวกเขาก็แพงแสนแพงมากมายหลายคน อย่างไรก็ตาม แฟนบอลบางคนอาจจะไม่ทราบว่าเหตุผลที่นักฟุตบอลผีแดงและนักเตะทีมอื่นเหล่านี้มีค่าตัวในการย้ายทีม
และค่าเหนื่อยที่มากมายมหาศาลได้นั้น ไม่ใช้แค่เพียงมาจากค่าบัตรเข้าชมการแข่งฟุตบอลในสนามเท่านั้น หากแต่มาจากรายได้หลายทาง ทั้งสินค้าติดป้ายยี่ห้อของทีมฟุตบอลนั้น ๆ และค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขัน และรายได้ที่มาจากเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ที่เป็นบริษัทซึ่งทำการค้าเกี่ยวกับกีฬาต่าง ๆ
ซึ่งทีมฟุตบอลที่มีรายได้มากที่สุดของประเทศอังกฤษในปัจจุบันนั้นก็คือ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่พึ่งจะได้ทำการเปลี่ยนบริษัทผลิตเสื้อกีฬาประจำทีมจาก นิวบาลานซ์ เป็นไนกี้ ส่วนผีแดงก็ไม่น้อยหน้าเพราะเป็นอันดับ 2 ของทีมที่มีรายได้มากที่สุดด้วยการเซ็นสัญญารับการสนับสนุนจากบริษัทผลิตสินค้ากีฬาเจ้าดังอย่างอาดิดาสตั้งแต่ปี 2015 ด้วยสัญญากว่า 10 ปี และแต่ละปีผีแดงจะได้รับเงินมากถึง 75 ล้านปอนด์ ด้วยกัน

ดูเหมือนว่าจะเป็นงานยากของ “ผีแดง” เสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะเป็นงานยากของผีแดงเสียแล้ว เมื่อในตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงอันดับ 5 ของตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (15 กรกฎาคม 2020 เวลา 15.00 น.) ซึ่งพวกเขาต้องการอัน 3 หรือ 4 เพื่อได้สิทธิไปยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกให้ได้ เพราะในสัญญาที่ผีแดงทำกับอาดิดาสนั้นบอกไว้ว่าในฤดูกาลไหนที่พวกเขาไม่ได้ไปลีกสูงขงอยุโรป
ค่าสนับสนุนจะถูกลดลงมาเป้น 50 ล้านปอนด์ เท่านั้น รู้แบบนี้แล้วผีแดงคงไม่อาจอยู่เฉยได้ เพราะหากทีมทำผลงานได้ดีมีเงินเข้ามาก ๆ ย่อมส่งผลให้นักฟุตบอลผีแดงกินดีอยู่ดีด้วย แต่หากทีมรายได้หายย่อมส่งผลให้นักฟุตบอลในทีมต้องได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กันอย่างแน่นอน
อย่างต้องให้เหมือนฤดูกาลที่แล้ว ที่ผีแดงโดนลดค่าเหนื่อยลงทั้งคณะเพราะทำผลงานการแข่งได้ออกมาแย่มากก็แล้วกัน
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
เห็นทีจะต้องเหนื่อยยิ่งขึ้นกว่าเดิมสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือใหญ่ของทีมอาร์เซน่อล ที่ออกมาเปิดใจแบบแมน ๆ ว่าหลังจบการแข่งขันในฤดูกาลนี้ตอนนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาจะไม่สามารถซื้อนักเตะได้ครบทุกตำแหน่งตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้
อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจในตอนนี้ที่ได้รับผลกระทบไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่วงการฟุตบอลลูกหนัง ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
โดยเฉพาะตลาดการซื้อ-ขายตัวนักเตะที่เงียบเป็นเป่าสาก โดยกุนซือไฟแรงชี้ว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่ ทั้งตัวเขาและลูกทีมที่มีทัศนคติดีไม่แพ้กับทีมแชมป์อังกฤษถ้วยล่าสุด และพร้อมที่จะโมแข้งที่มีอยู่อย่างหนักเพื่อทำแชมป์ให้สำเร็จ

“มิเกล อาร์เตต้า” ออกมาเปิดใจว่า รู้สึกไม่แน่ใจ
คำสัมภาษณ์หลังจากจบการแข่งขัน มิเกล อาร์เตต้า ออกมาเปิดใจว่า รู้สึกไม่แน่ใจว่าตนจะได้รับมันนี่ไปชอปปิ้งแข้งเพิ่มมาเสริมแกร่งทีมในซีซั่นหน้าได้หรือไม่
เพราะอย่างที่รู้กันสโมสรทีมก็ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเรื่องการเงินไม่แพ้กับทีมอื่น กุนซือใหญ่เชื่อว่าตัวเขาและมันหาลูกทีมจะสร้างทีมที่ดีและประสบความสำเร็จในการทำแชมป์ฤดูกาลหน้าได้อย่างแน่นอน
แม้จะไม่ต้องมีแข้งหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพก็ตาม สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาทำหน้าที่อย่างเต็มตัวเมื่อปลายปีที่แล้วและเหมือนว่าการทำงานของเขา
จะเต็มไปด้วยความยากลำบากแถมยังต้องมาเจอกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสที่เป็นผลกระทบไปทั่วโลก

“มันคงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นความท้าทายของตัวผมและลูกทีมจะต้องเจอ หากในฤดูกาลนี้เราไม่มีเงินที่จะไปซื้อนักเตะเพิ่มผมก็คิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าไหร่
เราเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จได้แม้จะมีแค่นักเตะในทีมของเราเท่านั้น ลูกทีมทุกคนมีศักยภาพและทัศนคติที่ดีมากพอ ผมเชื่อว่าเราจะทำผลงานได้ดีไม่แพ้กับทีมลิเวอร์พูล”
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล กำลังจะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ และ ‘เยอร์เก้น คล็อปป์’ กำลังจะกลายเป็นที่กล่าวขานบนเวทีพรีเมียร์ลีก โดยขออีกเพียง 6 แต้มเท่านั้น พวกเขาจะได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสรสมใจหมาย หลังทำแต้มนำห่างอันดับ 2 อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากถึง 25 คะแนนด้วยกัน
หากแต่ยังมีสิ่งที่พวกเขาคงยังไม่ได้คิดในตอนนี้ อาจจะด้วยความ ‘ใหม่’ และไม่มีประสบการ์ของการเป็นแชมป์ของทีมชุดนี้ พวกเขาคงคิดไม่ถึงว่า การล่าแชมป์ในฤดูกาลนี้ว่าเหนื่อยลากเลือดแล้ว แต่ การ ‘ป้องกันแชมป์’ ในฤดูกาลหน้า มันคืองานที่ ‘หิน’ เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า และพวกเขามีการบ้านให้ต้องทำในช่วงปิดเทอมอีกเพียบ

โดยหลังจากวินาทีที่พวกเขาขึ้นไปชูถ้วย สิ่งที่ลิเวอร์พูลจะต้องคิดเป็นอันดับแรกหลังจากนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นการ ‘เฉลิมฉลอง’ หลังจากฤดูกาลที่เหน็ดเหนื่อยและยาวนานได้จบลง
แต่สิ่งถัดไปที่ทีมหงส์แดงควรทำก็คือ ต้องพยายาม ‘ลืม’ เรื่องแชมป์ที่ฉลองไปให้เร็วที่สุด หากหวังจะเดินหน้าป้องกันอาร์มทองของพวกเขาต่อไปในฤดูกาลหน้า ซึ่งจะเป็นงานที่หนักหน่วงกว่าในปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูลทำผลงานสวยหรูมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ชนะมาติดต่อกันอย่างยาวนาน และกว่าจะแพ้ก็ปาเข้าไปจะจบฤดูกาลอยู่มะรอมมะร่อ
แต่ถ้าหากสังเกตดี ๆ หลาย ๆ เกมในช่วงระยะหลังมานี้ ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูลจะถูกคู่แข่งพยายาม ‘จับทาง’ หลายครั้งที่พวกเขาผ่านแต่ละเกมมาแบบหืดจับ แต่ยังมีชายที่ชื่อ ‘เยอร์เก้น คล็อปป์’ พาพวกเขาผ่านมาได้อยู่ร่ำไป

จนเรื่องมันก็เริ่มมาแดงในเกมที่พวกเขาบุกไปพ่ายให้กับ ‘วัตฟอร์ด’ อย่างหมดรูปถึง 3-0 ต่อด้วยการพ่ายให้กับเชลซี 2-0 ในฟุตบอล เอฟเอ คัพ และยังปิดท้ายด้วยการถูก แอตฯ มาดริด เขี่ยตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์เก่า ก่อนจะถูกพักเบรกด้วยสถานการณ์โคโรน่าไวรัสระบาด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ส่งไปถึงลิเวอร์พูล ว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง หากยังอยากจะรักษาความยิ่งใหญ่ต่อไป
“ลิเวอร์พูล” ชุดนี้นั้น มีความสามารถที่จะทำมันได้
ทุกคนรู้ดีว่าทีมชุดนี้ของลิเวอร์พูลนั้น มีความสามารถที่จะทำมันได้ มีดีพอที่จะป้องกันแชมป์ แต่ความสามารถนั้น พวกเขาได้แสดงออกมาให้ทุกทีมเห็นหมดแล้วในช่วงสองปีหลังที่ผ่านมา ทุกทีมเก็บข้อมูลไว้อย่างหมดจด นั่นทำให้ลิเวอร์พูลต้องก้าวขึ้นไปอีกระดับ ทำสิ่งที่แตกต่างออกมา
ศัตรูตัวฉกาจของหงส์แดงในฤดูกาลหน้า ก็คงหนีไม่พ้น ‘เรือใบสีฟ้า’ ของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเหล่าลูกทีม ที่น่าจะเก็บความโกรธแค้นไว้ไล่ล่าลูกทีมของคล็อปป์ในฤดูกาลหน้า
รวมไปถึงเหล่าสโมสรที่กำลังพยายามพัฒนากันอย่างสุดขีดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, วูล์ฟส์แฮมตัน, อาร์เซนอล และเอฟเวอร์ตัน ที่รายล้อมไปด้วยยอดกุนซือจอมเก๋า และเหล่ากุนซือเลือดใหม่ไฟแรงมากมาย
งานนี้บอกเลยว่า ไม่ใช่งานกล้วย ๆ อย่างแน่นอน สำหรับหนทางการ ‘ป้องกันแชมป์’ พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าของพลพรรคเครื่องจักรสีแดง เพราะศัตรูรอบตัวนั้นต่างพร้อมและจ้องฉุดพวกเขาลงจากบัลลังก์ได้ทุกเมื่อ
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง เปิดสนาม อิติฮัต สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ บอร์นมัธ ทีมอันดับ 18 ที่ต้องการทุกคะแนน เพื่อลุ้นหนีการตกชั้น
ทัพเรือใบสีฟ้ามาในระบบ 4-3-3 ให้ จอห์น สโตนย์ คุมแนวรับร่วมกับ นิโคลาส โอตาเมนดี้ วาง แฟร์นันดินโญ่ กับ อิลกาย กุนโดกัน คอยปั้นเกมในแดนกลาง ส่วนแนวรุกให้ แบร์นาโด้ ซิลวา ,ฟิล โฟเดน และ กาเบรียล เชซุส ลงเป็น 3 ประสาน ทางฝั่งทีมเยือน บอร์นมัธ มาสู้ในระบบ 4-5-1 มี จูเนียร์ สตานิสลาส กับ โจชัว คิง เป็นตัวความหวังในเกมรุก

รายละเอียดการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – บอร์นมัธ
นาทีที่6 จังหวะฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา ดาวิด ซิลบา รับหน้าที่สังหารก่อนจะปั่นโค้งๆผ่านกำแพง พุ่งเสียบใต้คานเสาขวามือไปอย่างหมดจด เป็นประตูออกนำ 1-0 ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
นาที34 จังหวะฟรีคิกของ บอร์นมัธ ที่หน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา จูเนียร์ สจานิสลาส ปั่นโค้งๆด้วยขวา บอลกำลังจะเสียบเสาแรกอยู่แล้ว แต่เอแดร์สัน บินปัดไปชนเสา และกลับมาชนเอแดร์สันออกหลังไป
นาที39 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปเซ็ตบอลที่หน้าเขตโทษ บอร์นมัธ จังหวะสุดท้าย เป็น ดาวิด ซิลบา ไหลตามช่องเข้าไปในเขตโทษให้ กาเบรียล เชซุส ใช้ความสามารถเฉพาะตัว พาบอลหนีกองหลัง 3 คน ก่อนจะยิงเข้าไปไม่เหลือ ส่งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้หนีห่าง 2-0
นาที88 บอลยางจากกลางสนามของ บอร์นมัธ หลุดไปถึง คัลลัม วิลสัน ที่ตามไปรับบอลในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลเข้ากลางให้ เดวิค บรูคส์ ยิงโล่งๆเข้าไป ส่งให้ บอร์นมัธ ตามมาเป็น 1-2
และจบเกม 90 นาที ด้วยสกอร์นี้ ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้เก็บ 3 คะแนนเต็ม มีเพิ่มเป็น 75 คะแนน จาก 36 นัด ส่วน บอร์นมัธ มี 31 คะแนน จาก 36 นัด อยู่อันดับ 18 ตามเดิม มีแต้มตามหลังโซนปลอดภัย 3 คะแนน ยังได้ลุ้นใน 2 นัดสุดท้าย
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
เรอัล มาดริด ว่าที่แชมป์ลาลีก้า ฤดูกาล 2019/2020 เตรียมเสนอขาย ดานี่ เซบาญอส กองกลางดาวรุ่งของทีม ที่ตอนนี้เล่นแบบยืมตัวอยู่กับ อาร์เซน่อล โดยราชันชุดขาวตั้งค่าตัวเอาไว้ที่ราคา 25 ล้านยูโร

“ดานี่ เซบาญอส” โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กับ อาร์เซน่อล
ดานี่ เซบาญอสดาวเตะวัย 23 ปี โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ อาร์เซน่อล แต่กับต้นสังกัดจริงอย่าง เรอัล มาดริด เขาไม่อาจเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ เนื่องจากมี คาเซมิโร่
ดาวเตะทีมชาติบราซิล โทนี่ โครส ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน รวมไปถึง ลูก้า โมดริช ดาวเตะทีมชาติโครเอเชีย จับจองตำแหน่งเอาไว้ เรอัล มาดริด จึงจำเป็นจะต้องปล่อยตัวนักเตะออกจากทีม เพื่อไม่เป็นการขัดขวางพัฒนาการของนักเตะ
และอีกเหตุผลก็คือตอนนี้พวกเขาต้องการหาเงินทุนเพื่อซื้อนักเตะใหม่เข้าสู่ทีม โดยเป้าหมายหลักตอนนี้คือ พอล ป็อกบา มิดฟิลด์คนดังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คาดว่าจะมีค่าตัวมากกว่า 120 ล้านปอนด์ เป็นอย่างต่ำ

ทางฝั่งของ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ อาร์เซน่อล ต้องการจะได้ตัว ดานี่ เซบาญอสให้ค้าแข้งอยู่กับทีมต่อไป แต่ก็ต้องประมูลแข่งกับ บาเลนเซีย และ เรอัล เบติส 2 ทีมดังจากลาลีก้า ที่พร้อมจะรับดาวเตะวัย 23 ปี ไปปั้นเกมในแดนกลางเช่นกัน
ดานี่ เซบาญอสย้ายจากสโมสร เรอัล เบติส มาอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2017 ด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร ภายใต้สัญญา 6 ปี โดยเขาได้ลงสนามให้ เรอัล มาดริด 56 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 5 ประตู ในส่วนของฤดูกาล 2019/2020 ย้ายมาเล่นแบบยืมตัวกับ อาร์เซน่อล ลงสนาม 32 นัด ยิงได้ 2 ประตู ในส่วนของการเล่นในนามทีมชาติ เขาติดทีมชาติสเปนไปแล้ว 9 นัด ยิงได้ 1 ประตู
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
พรีเมียร์ลีกอังกฤษก็ผ่านไปแล้วอีก 1 นัด แล้วสำหรับนัดที่ 35 ของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล กับรายการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่หงส์แดงสามารถคว้าแชมป์ไปครอบครองได้สำเร็จและเป้าหมายต่อไปที่แฟนบอลต้องการ

นั่นก็คือการลุ้นว่าพญาหงส์จะสามารถทำสถิติสะสมคะแนนในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทุบสถิติเดิมที่ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี้ เคยทำไว้ที่ 100 คะแนนได้หรือไม่ กับการแข่งขันที่เหลืออีกเพียง 3 นัด โดยผลการแข่งขันฟุตบอลของหงส์แดงเพิ่งจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมเบิร์นลีย์ ในคืนวันที่ 11 กรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา
ซึ่งหงส์แดงสามารถทำประตูนำไปก่อนได้สำเร็จ 1ลูกและสามารถครองลูกได้มากกว่า 80% ของการแข่งขัน หากแต่สุดท้ายแล้วฝ่ายผู้มาเยือนก็สามารถตีไข่แตกได้ในที่สุดและผลการแข่งขันจบลงตรงที่เสมอกัน 1 ประตูต่อ 1 ทำให้ปัจจุบันทีมหงส์แดงมีคะแนนสะสมทั้งหมด 93 คะแนนด้วยกัน ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 นัดซึ่งหากสามารถชนะรวดทั้ง 3 นัด ก็จะสามารถทำคะแนนรวมทะลุ 100 คะแนนได้สำเร็จ

ข่าวคราวส่วนหนึ่งของ “หงส์แดง” นอกจากการแข่งขัน
โดยตอนนี้ข่าวคราวส่วนหนึ่งของหงส์แดงนอกจากการแข่งขันที่มีให้ดูกันประจำแล้วนั่นก็คือประเด็นการเตรียมซื้อนักเตะใหม่เข้ามาในทีมซึ่งหนึ่งในนักเตะที่มีข่าวลือหนาหูแทบจะทุกวันกับหงส์แดงออกมาให้เราได้รับฟังกันนั่นก็คือ อัลคันทาร่า ติอาโก้ นักเตะชื่อดังจาก ทีมเสือใต้ บาเยิร์นมิวนิค ที่มีข่าวลือหนักมากในช่วงนี้ว่า
ทางทีมหงส์แดงต้องการจะดึงตัวให้ย้ายมาอยู่กับทีมของพวกเขาภายในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายที่ไม่ให้การสนับสนุนการดึงตัวนักเตะรายดังกล่าวเข้ามาในทีมก็มีมากอยู่พอสมควร และมีข่าวออกมาโจมตีการซื้อขายในครั้งนี้อยู่บ่อย ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ สตีฟ นิโคล อดีตหนึ่งในตำนานนักเตะกองหลังชื่อดังของทีมหงส์แดงได้ออกมาวิเคราะห์ว่านักฟุตบอลรายนี้นั้นเป็นคนที่ตนเองชื่นชอบในฝีเท้าการเล่นฟุตบอลของเขามานาน
ซึ่งหากเขามารวมกับทีมหงส์แดงจริง ๆ จะยกระดับความแข็งแกร่งให้กับทีมหงส์แดงหากแต่ปัญหานั่นก็คือหากเขาอยากให้มาจริง ๆ แล้ว ตนก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่านักฟุตบอลคนนี้จะสามารถแย่งเอาตำแหน่งนักเตะตัวจริงของทีมครอบครองได้สำเร็จหรือไม่ เหตุผลนั้นก็เพราะในปัจจุบันทีมหงส์แดงนั้นมีนักเตะฝีมือดีมากมายให้เลือกใช้อยู่แล้ว
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน
- 0
ขึ้นชื่อว่านักฟุตบอลหลายๆคนต้องมีความใฝ่ฝันอยากจะรับใช้ทีมชาติด้วยกันทั้งนั้น แต่เส้นทางที่จะถึงฝั่งฝันนั้นช่างยากเย็นแสนเข็นซะเหลือเกิน แต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่มีใครทำได้ ซึ่งการติดทีมชาตินั้นต้องมีทั้งฝีมือ และจังหวะในชีวิตที่ดีอีกด้วย ยิ่งเป็นตำแหน่งผู้รักษาประตูด้วยนั้นจะต้องใช้ฝีไม้ลายมือในระดับหนึ่ง ซึ่งนักเตะที่เราจะนำเสนอในวันนี้ มีชื่อว่า โจ ฮาร์ท อดีตมือ 1 ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้
และควบตำแหน่งดีกรีผู้รักษาประตู มือ 1 ทีมชาติอังกฤษ แต่ทว่าทำไม นักเตะที่มีฝีไม้ลายในระดับนี้ ถึงกลายเป็นนักเตะไร้สังกัด วันนี้เราจะมาดูสาเหตุว่าทำไม โจ ฮาร์ทถึงจุดตกต่ำของชีวิตในระดับนี้

“โจ ฮาร์ท” แจ้งเกิดกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้
โจ ฮาร์ทแจ้งเกิดกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งก่อนหน้านั้น โจ ฮาร์ทก็เก็บสะสมประสบการณ์มาในระดับหนึ่ง โดย โจ ฮาร์ทได้แจ้งเกิดในยุคของ โรแบร์โต้ มันชินนี่ ซึ่งในฤดูกาล 2010-2011นั้น โจ ฮาร์ทได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งสิ้น 55 เกม เสียประตูเพียงแค่ 38 ประตู และเก็บคลีนชีทได้ถึง 18 นัด
นั่นส่งผลให้ต้นสังกัดอย่างเรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครอง รวมถึงคว้าโควตา ไปเล่นบอลยุโรปอย่างโควตา แชมป์เปี้ยนลีก ด้วยการคว้าอันดับที่ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก ด้วยฟอร์มสุดสะเด่าร้อนแรงขนาดนี้ ทำให้ โจ ฮาร์ทได้ถุงมือทองคำมาครอง และสามารถยึดตำแหน่งผู้รักษาประตู มือ 1 ทีมชาติอังกฤษ ในที่สุด

หลังจากนั้นฟอร์มของ โจ ฮาร์ทยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ และสามารถคว้าตำแหน่งถุงมือทองคำได้อีกครั้งหนึ่ง และโจ ฮาร์ท ยังสามารถสร้างสถิติส่วนตัวของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าในฤดูกาล 2012-2013 สโมสรแมนเชสเตอรื ซิตี้ จะไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ แต่ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทั้งในนามสโมสร และในนามทีมชาติ
โดย โจ ฮาร์ทยังคงรักษาตำแหน่งผู้รักษาประตู มือ 1 ทีมชาติอังกฤษ ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ โจ ฮาร์ทคว้าถุงมือทองคำมาครอบครองเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการได้รางวัลถุงมือทองคำติดต่อกัน 3 ปีซ้อน

แต่แล้วฝันของ โจ ฮาร์ทก็ต้องสลายลง เมื่อชายที่ชื่อ เป็ป กวาดิโอล่า ก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม โดย เป็ป กวาดิโอล่านั้น ไม่ส่ง โจ ฮาร์ทลงสนามแม้แต่นัดเดียว และปล่อยให้สโมสรอื่นยืมตัวจนทำให้ฟอร์มการเล่นของ โจ ฮาร์ทแย่ลงเรื่อยๆ
จนไม่มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในที่สุด โดย เป็ป กวาดิโอล่า ให้เหตุผลว่า โจ ฮาร์ทไม่สามารถใช้เท้าเล่นบอลได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ไม่อยู่ในแผนการทำทีม ซึ่งข่าวคราวล่าสุดของอดีตผู้รักษาประตู มือ 1 ทีมชาติอังกฤษ รายนี้ คือเขาได้กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดไปแล้ว
เนื่องจากสโมสรที่เป็นต้นสังกัดของ โจ ฮาร์ทอย่าง เบิร์นลี่ ได้ทำการยกเลิกสัญญากับ โจ ฮาร์ทเนื่องจากเผชิญกับวิกฤตการเงินจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 นั่นเอง
อ่านข่าวกีฬาและข่าวฟุตบอล และ ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อัพเดทใหม่ทุกวัน