Month: April 2020
- 0
บทวิเคราะห์ 3ปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้ทัพตราหมี เขี่ย หงส์แดง ออกจากเวทีแชมป์เปี้ยนลีก
ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะพ่ายแพ้ไปก่อนในนัดแรกด้วยสกอร์ 1-0 แต่ในค่ำคืนนี้ แอตเลติโก มาดริด ก็ถือว่าเจอปัญหาอยู่ไม่ใช่น้อยเมื่อเขาต้องบุกไป แอนฟิลด์ ของลิเวอร์พูล สนามที่ขึ้นชื่อว่าโหดหิน ที่สุดเป็นอับดับต้นๆของโลก ด้วยบรรยากาศและมนต์ขลัง เสียงตะโกนโห่ร้องของบรรดาสาวกเดอะค็อปที่คอยส่งเสียงให้กำลังทีมรักอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งโครตทีมอย่างบาร์เซโลน่า ก็เคยพลาดท่ามาแล้ว ในฤดูกาลก่อน แต่ช้าก่อน! เรากำลังเสนอ 3 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ แอตเลติโก มาดริด บุกพังลิเวอร์พูล คาถิ่นแอนฟิลด์!
ความเขี้ยวลากดินของกุนซืออย่างเดอิโก ซิเมโอเน่ – อย่างที่ทุกคนต่างรู้กันดีว่า กุนซือชาวอาร์เจนไต ผู้นี้เก่งและขึ้นชื่อขนาดไหนในเรื่องบอลที่ต้องรักษาผลสกอร์ นอกจากนี้ซิเมโอเน่ ยังเก่งในเรื่องแทคติคเกมรับที่เหนียว ยากมากที่จะเจาะเข้าไปได้ รวมถึงแทคติคลูกตุกติก เล็กๆน้อยๆ การเข้าบอลหนักหน่วง ที่เขาจะสั่งให้ลูกทีมของเขาทำ เพื่อปั่นป่วนนักเตะของหงส์แดงจนเสียสมาธิ และที่สำคัญที่สุด เดอิโก ซิเมโอเน่ เชี่ยวชาญอย่างมากในเรื่องของเกมจิตวิทยา การปลุกใจลูกทีม รวมมถึงการรับมือสถานการณ์กดดันต่างๆ อย่างที่เราเห็นมาแล้วในเกมแรก ที่ซิมิโอเน่ ปลุกกองเชียร์ของสาวกตราหมีให้ลุกฮือขึ้นมา จนผู้เล่นลิเวอร์พูลขวัญกระเจิงกันเลยทีเดียว
การขาดผู้เล่นตัวหลักของลิเวอร์พูล – เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเกมนี้ อลิซอน เบคเกอร์ ผู้รักษาประตูตัวเก่งของลิเวอร์พูล ประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บและไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้ ทำให้ต้องใช้ อาเดรียน ผู้รักษาประตูมือ 2 ชาวสแปนิช ลงสนามแทน ซึ่ง 2 นัดล่าสุดที่อาเดรียนลงสนาม เขาก็ยังดูไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก ด้วยเหตุนี้ทัพตราหมีต้องพยายามทำประตูให้ได้ เพราะหากทำได้ ก็แทบจะปิดประตูเข้ารอบของลิเวอร์พูลได้เลย ยิ่งไปกว่านักเตะคนสำคัญอย่างกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ แอนดรูว โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายตัวเก่ง ก็ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ไม่แน่ใจว่าจะมาสามารถลงสนามช่วยทีมได้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากขาด 2 ผู้เล่นรายนี้ไป แอตเลติโก มาดริด ก็จะเล่นได้ง่ายขึ้นแน่ๆ
ฟอร์มช่วงหลังของลิเวอร์พูลที่แผ่วลงไป – นับตั้งแต่แอตเลติโก มาดริดไปได้ 1-0 ฟอร์มของพวกเขาก็หดหายลงไปเรื่อยๆ แถมยังแพ้ไปถึง 3 นัด จาก 5 เกมหลังสุด ถึงแม้ว่าในนัดล่าสุดจะเปิดบ้านเอาชนะบอร์นมัธไปได้ 2-1 ก็ตาม แต่ก็เป็นการชนะแบบหืดจับเลยทีเดียว กว่าจะยิงประตูได้แต่ละลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แถมพักหลังมานี้เกมรับที่เคยแข็งแกร่ง ก็กลับมาเสียประตูได้ง่ายอีกด้วย เนื่องจากมีโปรแกรมต้องลงเตะบ่อยครั้ง แถมแต่ละเกม กุนซืออย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มักจะใช้แต่นักเตะหน้าเดิมๆ จนกรอบเกรียมกันเลยทีเดียว ซึ่งนี่เองก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่อาจจะทำให้ทัพตราหมี บุกมาย้ำแค้นหงส์แดงอีกครั้ง แบบช็อคหัวใจแฟนบอลคาถิ่นแอนฟิลด์ !
- 0
บทวิเคราะห์ 3 แข้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรให้โอกาสก่อนเสริมทัพด้วยเงินก้อนโต
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ปัจจุบันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังตกเป็นในหน้าหนังสือพิมพ์ ถึงความสนใจเกี่ยวกับบรรดานักเตะบิ๊กเนมหลายคน ไม่ว่าจะเป็น แจ๊ค กรีลิช , จาดอน ซานโซ่ หรือ คาลิดู คูลิบาลี ซึ่งแน่นอนว่าด้วยเกรดและดีกรีของผู้เล่นระดับนี้ หากว่าทัพปีศาจแดงหวังจะกระชากตัวมาร่วมทัพ ก็คงต้องผลาญเงินในคลังไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอนำเสนอ 3 นักเตะ ที่แมนยูควรหยิบยื่นโอกาสให้พิสูจน์เท้าในซีซั่นหน้าในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด
คริส สมอลลิ่ง – แนวรับสัญชาติอังกฤษ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลือกที่จะให้โรม่ายืมตัวในฤดูกาลนี้ เพื่อเปิดให้กับแฮร์รี่ แม็คไกว์ ปราการหลังค่าตัวสถิติโลกที่ทัพปีศาจแดง ทุ่มเงินกว่า 80 ล้านปอนด์ คว้าตัวมาจากเลสเตอร์ ซิตี้ แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นว่า คริส สมอลลิ่ง เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าแผงหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในชุดปัจจุบันซะอีก ด้วยฟอร์มที่โดดในยูนิฟอร์มของหมาป่าแห่งกรุงโรม อย่างโรม่า ทำให้มีหลายทีมในอิตาลี ให้ความสนใจที่จะซื้อขาดนักเตะ หากฤดูกาลหน้าโซลชา ลองหยิบยื่นโอกาสให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง เชื่อว่าคงจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกว์ ได้อย่างแข็งแกร่ง และอาจไม่มีความจำเป็นต้องนำเงินไปซื้อ คาลิดู คูลิบาลี เลยด้วยซ้ำ
ดีน เฮนเดอร์สัน – ด้วยฟอร์มการเล่นของดาบิด เดเกอา ที่ไม่ได้แน่นอนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำให้บรรดาแฟนบอลปีศาจแดงหลายคน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวในช่วงหลัง ที่มีจังหวะผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง และน่าจะเลยจุดสูงสุดของอาชีพไปเรียบร้อยแล้ว หลังยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่งของทีมมายาวนานนับ 10 ปี และในฤดูหน้า เชื่อว่าคงจะถึงเวลาแล้วที่โซลชา ควรลองให้โอกาส ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูลูกหม้อของทีมรายนี้ ถูกปล่อยยืมตัวไปให้ทัพ ดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปใช้งาน และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนเชฟฟิลด์รั้งอันดับ 6 ของตารางคะแนนอยู่ในขณะนี้ และด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ทำให้เจ้าตัวมีลุ้นจะได้ยืนเป็นมือหนึ่งของทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2020 นี้อีกด้วย
เจมส์ การ์ดเนอร์ – ชื่อของเจมส์ การ์ดเนอร์ อาจจะไม่คุ้นแฟนบอลปีศาจแดงในบ้านเราซักเท่าไรนัก ก็แน่นอนล่ะ เจ้าหมอนี่เพิ่งอายุ 18 ปี เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวเล่นอยู่กับทีมชุด U-23 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นแหละ แถมยังเข้าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยเล่นในทีมสำรองไปแล้ว 10 นัด ทำไปถึง 8 ประตู ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอก กองกลางตัวรับ ซึ่งหากมองที่ทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว ก็มีเพียงแค่ เนมันย่า มาติช เพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งกำลังจะอายุครบ 32 ปีในฤดูกาลหน้า และหากโซลชาลองให้โอกาส เจมส์ การ์ดเนอร์ ได้ลงเล่นดูบ้าง น่าจะดูดีกว่าการนำเงินมหาศาล ไปซื้อแข้งใหม่ในตำแหน่งนี้เข้ามาร่วมทีม
- 0
ชื่อของทาคูมิ มินามิโนะ กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก หลังจากย้ายจากเร้ดบูล์ ซัลบวร์ก มาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัวราวๆ 7.25 ล้านปอนด์ ในช่วงตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา แบบไม่มีใครคาดคิด ถึงจะราคาที่แสนถูกหากเทียบกับราคาค่าตัวของนักฟุตบอลในปัจจุบัน แต่แฟนบอลลิเวอร์พูล ต่างก็คาดหวังกับการเข้ามาของหนุ่มเลือดซามูไรรายนี้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านเวลาไป ชื่อของทาคูมิ มินามิโนะ ก็ค่อยๆเงียบลงไปเรื่อยๆ เราลองมาดูกันดีกว่าครับ ว่าอะไรทำให้ ทาคูมิ มินามิโนะฟอร์มไม่เปรี้ยงในยูนิฟอร์มหงส์แดง
ยังปรับตัวไม่ได้ – นี่คืออีกเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป อย่างแรกเลยที่ต้องปรับตัวก็คือตำแหน่ง โดยสมัยอยู่กับเร้ดบูล์ ซัลบวร์ก ตำแหน่งงที่เจ้าตัวทำผลได้อย่างยอดเยี่ยม ก็คือกองกลางตัวรุกหรือเพลย์เมคเกอร์นั่นเอง แต่ที่ลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ นิยมใช้ระบบ 4-3-3 ซึ่งแผนนี้ไม่มีเพลย์เมคเกอร์ ดังนั้นมินามิโนะ จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับแผนของคล็อปป์ให้ได้ เพราะเชื่อว่าคล็อปป์ คงไม่เปลี่ยนสไตล์การเล่นเพื่อเขาเพียงเดียว อย่างที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเรื่องภาษานั่งเอง โดยตอนนี้ ทาคูมิ มินามิโนะ พูดได้เพียง 2 ภาษาคือญี่ปุ่นและเยอรมัน แต่นี่คืออังกฤษ ดังนั้น มินามิโนะ จำเป็นอย่างมากที่จะเรียนสื่อสารภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง ไม่อย่างงั้นละก็การปรับตัวให้เข้ากับทีมก็ยากยิ่งขึ้นไปอีก
โอกาสลงสนามที่จำกัดจำเขี่ย – เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยออกมาพูดเองว่าการซื้อ มินามิโนะ เข้ามา เป็นการซื้อตัวเพื่ออนาคต ไม่ได้หวังว่าสตาร์ทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้จะเข้ามายกระดับทีมในทันที ซึ่งในตอนนี้ มินามิโนะ ได้ลงสนามในเกมลีกไปเพียง 77 นาทีเท่านั้น เป็นตัวสำรองทั้งหมด ส่วนเกมที่มักจะลงเล่นเป็นประจำก็คือเกมฟุตบอลถ้วย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่สนามแผลงฤทธิ์ได้เลย ไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์จากการลงสนาม 3 นัด รวมถึงตอนนี้ลิเวอร์พูลตกรอบฟุตบอลถ้วยในประเทศไปหมดแล้วซะด้วย แต่ก็เชื่อว่า มินามิโนะ น่าจะได้รับโอกาสลงสนามในเกมลีกช่วงที่เหลือ หากลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้แล้ว และเมื่อเวลานั้นมาถึง ทาคูมิ มินามิโนะ ก็ต้องพยายามโชว์ฟอร์มอย่างเต็มเพื่อเอาชนะใจเจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ได้
เพื่อนร่วมทีมมักไม่ส่งบอลให้ – การใครเคยได้ดูการถ่ายทอดสดในที่ ทาคูมิ มินามิโนะ ลงสนาม จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า บรรดาเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลมักจะไม่ค่อยส่งบอลให้กับเขาเท่าไรนัก ถึงแม้จะยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าก็ตาม โดยเฉพาะในเกมฟุตบอลถ้วย ที่บรรดาแข้งเยาวชนของหงส์แดง ต่างแย่งกันโชว์ฟอร์ม ไม่สนใจ มินามิโนะ ที่พยายามวิ่งทำทางและขอบอลแม้แต่น้อย ปัญหานี้ก็ถือเป็นปัญหาที่น่าเห็นใจเช่นกัน เมื่อเพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาให้น้อย โอกาศที่เจ้าตัวจะได้แสดงผลงานในสนาม มันก็น้อยลงไปด้วย ดังนั้น ทาคูมิ มินามิโนะ จึงต้องพยายามให้หนักขึ้นไปอีกในสนามซ้อม เพื่อแสดงให้บรรดาเพื่อนร่วมทีมเห็นว่า ตัวเขามีดีพอที่จะเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ได้
- 0
คุยหลังเกม 3ประเด็นน่าสนใจ ปีศาจแดง บุกทุบ ลินซ์ คาบ้าน 5-0
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้า ลีก คู่ระหว่าง แอลเอเอสเค ลินซ์ เปิดบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเป็นทางผู้มาเยือนที่ทำได้ดีกว่า บุกไปทุบเจ้าบ้านเละเทะ ด้วยสกอร์ 5-0 ได้ประตูจาก โอเดียน อิกาโล นาทีที่ 28 , แดเนี่ยล เจมส์ นาทีที่ 58 , ฆวน มาต้า นาทีที่ 82 , เมสัน กรีนวู้ด นาทีที่ 90+1 และอันเดรียส เปเรย์ร่า นาทีที่ 90+3 โดยหลังจบเกมดังกล่าว เราได้นำ 3 ประเด็นน่าสนใจ มาฝากท่านผู้อ่านทุกท่าน ดังนี้ครับ

เกมรับที่แข็งแกร่งของทัพปีศาจแดง – การได้ตัว เอริค ไบญี่ ที่สลัดอาการบาดเจ็บ กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอีกอย่างหนึ่งของแฟนบอลปีศาจแดง เนื่องจากแนวรับชาวไอวอรี่โคสต์ รายนี้สามารถจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกว์ ปราการตัวเก่งของทีมได้อย่างลงตัว เผลอๆอาจจะดีกว่า วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ปราการหลังชาวสวีเดน ที่โซลชา มักจะเลือกใช้เป็นประจำซะอีก โดยในเวลานี้ทัพปีศาจมีสถิติเกมรับที่ยอดเยี่ยมมาก ในช่วง 11 นัดที่ผ่านมา พวกเขาเสียไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น แถมยังเก็บคลีนชีตได้ถึง 3 เกมติดต่อกันอีกด้วย
โอเดียน อิกาโล่ ยิงอีกแล้ว – เชื่อว่าตอนนีแฟนบอลปีศาจแดงหลายๆคน คงจะไม่มีใครที่ยังสงสัยในตัวของ โอเดียน อิกาโล่ อีกแล้ว เพราะเกมนี้เจ้าตัวก็ยังยิงอีก 1 เม็ด เป็นสกอร์เบิกร่องให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะมาจากลีกจีน แถมอายุอานามยังมากถึง 30 ปี แต่อิกาโล่ ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาคือของจริง โดยมีทั้งความแข็งแกร่ง และความเฉียบคมในการทำประตู โดยยิงไปแล้วถึง 4 ประตูในขณะนี้ นับว่าสามารถทดแทนการหายไปของมาร์คัส แรสฟอร์ด ได้แบบสบายๆเลยทีเดียว และจากฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากโอเล่ห์ กุนนาร์ โซลชา จะตัดสินใจเซ็นสัญญาถาวรกับศูนย์หน้าฟอร์มฮอตคนนี้
บรรดาดาวรุ่งและตัวสำรองของทีมยังไว้ใจได้ – อย่างที่เราเคยบอกไปแล้วว่า เอลเอเอสเค ลินซ์ ไม่ใช่ทีมโนเนมแต่อย่างใด แต่เป็นถึงจ่าฝูงของลีกออสเตรียเลยทีเดียว (มีคะแนนมากกว่าเร้ดบลู ซัลบวร์ก ซะอีก) แต่บรรดานักเตะดาวรุ่งกับบรรดาแข้งสำรองก็พิสูจน์ให้กับโซลชาได้เห็นแล้วว่า พวกเขาก็มีดีพอ ที่จะแย่งตำแหน่งตัวจริงของสโมสร โดยบรรดาดาวรุ่งอย่าง แดเนี่ยล เจมส์ , สก็อต แม็คโทมิเนย์ , แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ , เมสัน กรีดวู้ด และทาฮิธ ชอง ที่ได้รับโอกาสลงสนามในเกมนี้ ต่างทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ เอริค ไบญี่ และอันเดรียส เปเรย์ร่า แข้งสำรองที่ได้รับโอกาสโชว์ฟอร์ม และก็ทำได้ดีเสียด้วย โดยเฉพาะในรายหลัง ที่อุส่าต์ยิงไป 1 ลูกในเกมนี้
- 0
คุยหลังเกม 3ประเด็นน่าสนใจ จิ้งจอกสยาม เปิดรังทุบ สิงห์ผงาดกระจุย 4-0
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก คู่ระหว่างเลสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามพบกับ แอสตัน วิลล่า เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา และเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านอย่าง จิ้งจอกสยามที่ทำได้ดีกว่า ไล่ทุบผู้มาเยือนอย่าง แอสตัน วิลล่า กระจุยกระจายถึง 4-0 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูจาก ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ในนาทีที่ 40 , 85 และเจมี่ วาร์ดี้ที่ซัดจุดโทษในนาทีที่ 63 และเบิ้ลอีกลูกในนาทีที่ 79 ซึ่งหลังจบเกมดังกล่าว เราได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจ 3 ประเด็นมาฝากท่านผู้อ่านทุกท่านดังนี้ครับ
เลสเตอร์ ซิตี้ กลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง – ก่อนเกมนี้เชื่อว่าแฟนบอลจิ้งจอกสยามหลายๆคน คงกำลังกังวลกับฟอร์มการเล่นของทีมรักที่ตัวเอง ที่ค่อนข้างแผ่วลงมาในช่วงหลังๆ โดยไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย ในเกมลีก 4 นัดหลังสุด แพ้ 2 นัด เสมอ 2 นัด แต่เกมนี้บรรดานักเตะเลสเตอร์ ซิตี้ ก็เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถเอาชนะไปได้ขาดลอยถึง 4-0 กลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง พร้อมยึดอันดับ 3 ของตารางคะแนนต่อไปอย่างเหนียวแน่น ทำแต้มหนีเชลซี ทีมอันดับ 4 ไปเป็น 5 แต้ม ดูทรงแล้วไม่น่าพลาดโควตาแชมป์เปี้ยนลีก ในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน
เอ็มบวาน่า ซามัตต้า และฮาร์วีย์ บาร์นส์ – นี่คือสองผู้เล่นของทั้งสองทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเอ็มบวาน่า ซามัตต้า เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวของแอสตัน วิลล่า ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้ต้นสังจะแพ้แบบขาดลอยก็ตาม กองหน้าชาวแทนซาเนีย ทำให้เกมรุกของสิงห์ผงาดดูวูบวาบ ปั่นป่วนแนวรับของเจ้าบ้าน จนต้องปวดหัวกับการไล่ตามประกบเขาแทบจะตลอดทั้งเกม ส่วนฮาร์วีย์ บาร์นส์ ของเลสเตอร์ ซิตี้ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน โดยเจ้าตัวเล่นได้อย่างความมั่นใจ ขยันไล่บอล และทำเกมรุกได้อย่างดุดัน แถมยังยิงได้ถึง 2 ประตูในเกมนี้
เจมี่ วาร์ดี้กลับมาแล้ว – กองหน้าจอมเก๋าของทัพจิ้งจอกสนาม กลับมายิงประตูได้อีกครั้ง หลังจากเจ้าตัวยิงประตูไม่ได้เลยตั้งแต่เริ่มต้นศักราชใหม่เป็นต้นมา แถมยังมีอาการบาดเจ็บ คอยเล่นงานอีกด้วย โดยเกมนี้เจ้าตัวถูกลงสนามเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 59 และก็จัดการซัด 2 ประตูช่วยให้ทีมชนะไปในที่สุด และจาก 2 ประตูนี้ทำให้เจ้าตัวขึ้นนำเป็นดาวซัลโวเดี่ยวของศึกพรีเมียร์ลีก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังซัลโวไปทั้งสิ้น 19 ประตู นำหน้าอันดับที่สองอย่าง โอบาเมยอง ของอาร์เซน่อลอยู่ 2 ประตู แถมล่าสุดเจ้าตัวยังประกาศกร้าวว่า ตนเองพร้อมลงรับใช้ทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง ในศึกยูโร 2020 ที่กำลังจะมาถึงนี้ หลังเคยประกาศเลิกเล่นทีมชาติตอนจบฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา
- 0
คุยหลังเกม 3ประเด็นที่ต้องพูดถึง ปารีส เปิดบ้านเอาชนะ ดอร์ทมุน 2-0 ฉลุยรอบตัดเชือก
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก รอบ16ทีมสุดท้าย นัดที่2 ระหว่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง เปิดบ้านพบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน เป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่า และเอาชนะไปผู้มาเยือนไปด้วยสกอร์ 2-0 สกอร์รวม 2 นัด เอาชนะไปได้ 3-2 โดยเจ้าบ้านได้ประตูจาก เนย์มาร์ ในนาทีที่ 28 และ ฆวน เบอร์นาด ในนาทีที่ 45+1 แถมช่วงท้ายเกมเอมเร่ ชาน มิดฟิลด์ของดอร์ทมุนยังมาโดนใบแดงไล่ออกสนามอีกด้วย โดยหลังจบเกมดังกล่าว เราได้รวบรวม 3 ประเด็นที่ต้องพูดถึง มาฝากท่านผู้อ่านทุกท่าน ดังนี้
ปารีสจัดการปิดเกมตั้งแต่ครึ่งแรก – ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เริ่มต้นเกมด้วยความกดดัน เนื่องจากถ้วยใบนี้เป็นเป้าหมายที่พวกเขาอยากได้มานาน แต่ด้วยสถาการณ์ที่ต้องเอาชนะ ดอร์ทมุนให้ได้ โดยห้ามเสียประตู นั่นจึงเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายซักเท่าไหร่นัก แต่ความกดดันของพวกเขา ก็ถูกคลายลงไป เมื่อเนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ชาวบราซิลเลี่ยนของทีม จัดการซัดประตูในนาทีที่ 28 ก่อนที่ ฆวน เบอร์นาด จะมาซัดอีกลูก ในช่วงท้ายครึ่งแรก นั่นเองเริ่มค่อนคลายมากขึ้น และเล่นกันได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวาในช่วงครึ่งเวลาหลัง โดยหากจะกล่าวว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สามารถผ่านเข้ารอบได้ ตั้งแต่จบครึ่งแรก ก็คงจะไม่เกินไปนัก
จาดอน ซานโซ่ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หายไปจากเกม – สองนักเตะความหวังของทัพเหลืองอย่าง จาดอน ซานโซ่ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ แทบจะหายไปจากเกมในเกมเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลังเกมนัดแรกทั้งสองโชว์ฟอร์มได้อย่างเด่น แต่ในนี้มันไม่เป็นเช่นนั้น เออร์ลิง ฮาแลนด์ ค่อนข้างเงียบในเกมนี้ โดยเขาแทบไม่ได้สัมผัสบอลมากสักเท่าไรนัก ส่วนจาดอน ซานโซ่ ก็มักตัดสินใจผิดพลาดหลายต่อหลายจังหวะ ลูกควรจ่ายกลับยิง ลูกควรยิงกลับจ่าย และเมื่อสองตัวความหวังของทีมโชว์ฟอร์มไม่ออกทั้งคู่ ประสิทธิภาพในเกมรุกของโบรุสเซีย ดอร์ทมุน ก็ตกลงไปทันที

เอ็มเร่ ชานเสียค่าโง่ให้กับเนย์มาร์ – ช่วงท้ายเกม ดอร์ทมุน ที่กำลังต้องการประตูอย่างหนัก เพื่อที่จะได้มีโอกาสเล่นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ มาเสียฟาล์ว จากจังหวะปะทะกันของเอ็มเร่ ชาน และเนย์มาร์ ซึ่งทั้งสองมีปากเสียง ก่อนที่จะเป็นฝั่งเอ็มเร่ ชานที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ผลักเนย์มาร์ จนลงไปนอนกองกับพื้น เป็นเหตุให้ผู้เล่นทั้งสองทีมกรูเข้ามาปะทะกัน ทำให้ผู้ตัดสินไม่ทางเลือกตัดสินใจให้ใบแดง ไล่ เอ็มเร่ ชาน ออกจากสนาม ส่วนเนย์มาร์ โดนแค่ใบเหลืองเท่านั้น จากจังหวะดังกล่าวไม่มีความจำเป็นต้องมีปากเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากทีมกำลังต้องการประตู แถมเวลาก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว ยิ่งมีปัญหาก็จะยิ่งเข้าทางปารีสทันที และแถมเจ้าตัวยังทำให้ทีมเสียเปรียบเหลือ 10 คนอีกด้วย โดยหากใครได้ชมการถ่ายทอดสด จะเห็นได้เลยว่า เอ็มเร่ ชานนั้น เสียค่าโง่ให้กับเนย์มาร์อย่างแท้จริง
- 0
คุยหลังเกม 3ประเด็นต้องพูดถึง แอร์เบ ไลพ์ซิก เปิดบ้านถล่ม สเปอร์ 3-0
ศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 คู่ระหว่างแอร์ ไลพ์ซิก พบกับ ทอตเทนแน่ม ฮอตสเปอร์ เป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่เล่นได้ลงอย่างยอดเยี่ยม ถล่มคลับไก่ ไปแบบสบายเท้า 3-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้แบบหล่อๆ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-0 โดยแอร์เบ ไลพซิก ได้ประตูจาก มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ในนาทีที่ 10 , 21 และเอมิล ฟอร์สเบิร์ก ในนาทีที่ 81 โดยหลังจบเกมกล่าว มีประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ส่วนจะเป็นอะไรนั้น เชิญท่านผู้อ่านทุกมาชมกันครับ
มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ผู้ดับฝันสเปอร์ – เริ่มมาทอตเทนแน่ม ฮอตสเปอร์ เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ เจ้าบ้านอย่าง แอร์เบ ไลพ์ซิก เพื่อหวังจะเอาชนะและผ่านเข้าสู่รอบถัดไป ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะเป็นไปได้สวย จนกระทั่งการทำประตูของ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ในนาทีที่ 10 ทำให้ผู้เล่นสเปอร์ออกอาการเป๋เลยทีเดียว และก็ยังตัวไม่ได้ ก่อนที่อีก 11 นาทีต่อมา ซาบิตเซอร์ คนเดิมจะมาเบิ้ลอีก 1 ประตู ให้ทีมนำห่าง 2-0 ดับความฝันของสเปอร์จนแทบซะสนิท และเป็นเจ้าบ้านที่คุมเกมเอาไว้ได้อย่างหมดจด ก่อนจะบวกอีกประตูในช่วงท้ายเกม ผ่านเข้ารอบต่อไปแบบสบายๆ
การวางตัวผู้เล่นที่ผิดพลาดของโจเซ่ มูริญโญ่ – กุนซืออย่าง โจเซ่ มูริญโญ่ เลือกที่จะถอย เอริค ดายเออร์ ลงไปเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค และจับ จาเฟ็ต ทันกันก้า ยืนเป็นปราหลังร่วมกัน โดยเลือกที่เมิน ยาน เฟอร์ทองเก้น ปราการหลังธรรมชาติที่ถูกดร็อปไว้เป็นตัวสำรองข้างสนาม และนั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า โจเซ่ มูริญโญ่ คิดผิด เมื่อแผงแนวรับของทัพไก่เดือยทอง มีจังหวะผิดพลาดและไม่เด็ดขาดในการป้องกันหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ทีมเสียไป 2 ประตู ในช่วง 20 แรกของเกม
ขาดแฮร์รี่กับซอน เฮือง มิน เหมือนขาดใจ – ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการขาดหายไปของ แฮร์รี่เคน และ ซอน เฮือง มิน จากปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้ไก่เดือยทองในยุคของ โจเซ่ มูริญโญ่ แทบจะไม่ต่างจากไก่พิการเลยทีเดียว เนื่องจากความอันตรายในเกมรุกของพวกเขาด้อยประสิทธิภาพลงไปอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะได้ จิโอวานี่ โล เซลโล จอมทัพแห่งทีมชาติอาร์เจนติน่า เข้ามาเป็นเดอะแบกในหลายๆนัดที่ผ่าน แต่แน่นอนว่าเขาเพียงคนเดียว ก็แทบจะทำไม่สามารถเป็นชิ้นอันได้ เมื่อบรรดาเพื่อนร่วมทีมในแนวรุกที่เหลืออยู่ขณะนี้ ต่างทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ทั้งหมด
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทอตเทนแน่ม ฮอตสเปอร์ คงหนีไม่พ้นการกลับไปมุ่งมั่นในลีก เพื่อพยายามแย่งพื้นที่อันดับ 4 เอาไว้มาครองให้ได้ หลังจากนี้ พวกเขาไม่มีอะไรให้ลุ้นอีกต่อไปแล้วในฤดูกาลนี้
- 0
เปเรร่า กับบทบาทใน ‘เกมรุก’
ทั้ง ๆ ที่ถือสัญชาติบราซิล แต่ อันเดรียส เปเรร่า นั้น ยังห่างไกลกับทักษะที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้เล่นในเกมรุก เขาผ่านบอลได้ย่ำแย่ ส่วนการคอนโทรลบอลก็ห่วยพอกัน หลายครั้งที่เขาลงสนาม แฟนปีศาจแดงที่คอยจับผิดเขาอยู่เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องรอนาน เกมเริ่มได้ไม่ทันไรเราก็จะได้เห็น เปเรร่า เสียบอลบริเวณกลางสนามอยู่บ่อยครั้ง
หลายคนอาจจะยังติดกับดัก คิดว่าดาวเตะเลือดลูกครึ่งบราซิล – เบลเยี่ยม รายนี้ ยังคงเป็นดาวรุ่งอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าเขาอายุ 24 ปีเข้าไปแล้ว ณ ขณะนี้ และตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา เขาทำประตูได้เพียง 9 ประตู กับอีก 10แอสซิสต์เท่านั้น
ส่วนฤดูกาลที่(น่าจะ)ดีที่สุดของเขา ก็คือ สมัยที่ถูกกรานาด้า ยืมตัวไปใช้งาน เขาทำไป 5 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด37นัด
ความ‘เข้าใจ’เกมของเปเรร่า
สำหรับกีฬาฟุตบอล โดยเฉพาะเมื่อทีมของคุณเป็นฝ่ายครองบอลเพื่อบุก แน่นอนว่านักเตะที่มีบอลอยู่ที่เท้า คือคนที่สำคัญที่สุดในสนาม ณ เวลานั้น แต่ตามตำราแล้ว คนที่ไม่มีบอลก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการวิ่งของผู้เล่นทุกคน จะเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับเพื่อนที่มีบอล ให้มีตัวเลือกในการเล่นง่ายขึ้น สังเกตง่าย ๆ จากทีมที่ครองบอลเก่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า ยุคครองเมือง หรือ แมนฯ ซิตี้ ในยุคนี้ หากผู้เล่นคนไหนมีบอล ผู้เล่นคนอื่นจะวิ่งฉีกไปเป็นตัวเลือกให้กับเพื่อนคนละทิศละทาง ทำให้มีช่องในการโจมตีคู่แข่งมากมาย ซึ่งกับ เปเรร่า ที่เหมือนว่าจะถูกมอบหมายในตำแหน่งกองกลางตัวรุก จะยังขาดสิ่งที่จำเป็นกับผู้เล่นในแนวรุกอยู่มาก และดูเหมือนว่า เปเรร่า จะไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้เลย ความเข้าใจเกม คือ สิ่งที่เขาไม่มีอย่างชัดเจน
เปเรร่า ไม่ถูกกับเกมรับอย่างแรง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฆวน มาต้า มีความเป็น ‘ครีเอทีฟ เพลเยอร์’ มากกว่า อันเดรียส เปเรร่า อย่างแน่นอน แต่หลายครั้งที่โซลชาร์ มักเลือกนักเตะอย่าง เปเรร่า หรือ ลินการ์ด ลงสนาม ก็เป็นเพราะโซลชาร์มองว่า มาต้า เชื่องช้าเกินไปในช่วงบั้นปลายของอาชีพ และขาดความสามารถในการเล่นเกมรับ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว เปรร่า นั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะมีเกมรับที่ดีเด่อะไรมากมาย อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ภาพจำของแฟนยูไนเต็ดคือ ภาพที่เขาครองบอล แล้วถูกเข้าปะทะ แล้วก็เสียบอล เปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่บ่อยครั้ง และฟางเส้นสุดท้ายของเขากับโซลชาร์ก็คือ ในนัดประเดิมสนามของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่พบกับ วูล์ฟแฮมตัน โซลชาร์ตัดสินใจให้เขาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ และด้วยความห่วยแตกของเขา โซลชาร์ก็ใช้เวลาไม่นาน ตัดสินใจสั่งให้ บรูโน่ ลงมาเล่นเกมรับแทน และเมื่อเขาขึ้นไปเล่นด้านบนของสนาม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่สามารถคาดหวังอะไรจากเขาได้อีกเลยจนถูกเปลี่ยนตัวออกในที่สุด
- 0
เยอร์เก้น คล็อปป์ : การบ้านหลังคว้าแชมป์ลีก
หากพิจารณาจากฟอร์มการเล่น ขุมกำลัง และที่สำคัญที่สุดคือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้พา ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ตีปีกทะยานกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง จากแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีก่อน และกำลังจะเถลิงแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกที่ เดอะ ค็อป รอคอยกันมาอย่างยาวนานในฤดูกาลที่กำลังนับถอยหลังนี้
แม้จะสร้างสถิติไร้พ่ายอย่างยาวนานถึง 44 นัด แต่การที่ถูกหยุดโดยการแพ้ วัตฟอร์ด อย่างหมดรูปถึง 3-0 คงปลุกให้แฟนบอลต้องตื่นจากภวังค์ และลุกขึ้นมาตั้งคำถามถึงแนวโน้มของสโมสรในอนาคตอีกครั้ง หากต้องการจะต่อยอดความสำเร็จที่ได้พยายามก่อร่างสร้างตัวกันมาอย่างยาวนาน
แม้จะไม่แพ้ใครถึง 44 เกม แต่ก็มีหลายเกมไม่น้อยที่ หงส์แดง รอดตัวมาแบบหืดจับ อาทิเช่น เกมที่บุกไปเอาชนะ
นอริช ซิตี้ แบบหืดจับ แถมความกระหายในการเล่นดูลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงเกมที่บุกไปโดน แอตฯ มาดริด เชือดกลับบ้าน อาจทำให้คล็อปป์ ต้องพิจารณาขุมกำลังของเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้น แม้จะเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์แฮม ได้ก็เอาชนะแบบหืดจับอีกครั้ง โดยพวกเขาเสียถึงสองประตูให้กับทีมท้ายตาราง จนกระทั่งเกมพวกเขาเสียซิงในฤดูกาลนี้ให้กับทีมหนีตายอย่าง ‘วัตฟอร์ด’
ไม่มีใครสงสัยในชุด 11 ผู้เล่นตัวหลักของพวกเขาเลยว่าแข็งแกร่งเพียงใด แผงเกมรับที่แนวรุกฝั่งตรงข้ามได้ยินชื่อก็ถึงกับต้องขาสั่น ไล่มาตั้งแต่ อลิซซอน, ฟานไดจค์, โกเมซ, เทรนท์ อาโนลด์, โรเบิร์ตสัน และ 3 ประสานในแดนหน้าอย่าง ซาล่าห์, มาเน่, เฟอร์มิโน่ ที่ใครคนใดคนหนึ่งเล่นไม่ออก ก็ยังมีอีกสองคนคอยกระซวกคู่แข่งอยู่ร่ำไป รวมถึงกัปตันเฮนโด้ ที่ฝ่าฟันจนขึ้นมาเป็นนักเตะระดับท็อปที่ทีมขาดไม่ได้
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาของพวกเขาก็คือ ‘ขุมกำลังสำรอง’ ที่มีศักยภาพที่ต่างกันเกินไป โดยในเกมที่แพ้วัตฟอร์ด คล็อปป์เลือกใช้งาน อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ลงแล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ได้รับบาดเจ็บ และ เดยัน ลอฟเรน มาจับคู่กับ ฟานไดจค์ จนออกมาเป็นสภาพอย่างที่เห็น
การขาด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปในแผงมิดฟิลด์ ก็เหมือนเครื่องยนต์ที่ขาดน้ำมันหล่อลื่น ไม่มีใครที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมแนวรับกับแนวรุกให้เข้ากันได้เลย โดนแผงกลางของ วัตฟอร์ด เพรสซิ่งหนัก และเก็บกินเรียบวุธ
จริงอยู่ที่ว่า นักเตะเหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องไม่ลืมว่า บ่อยครั้งที่ขุมกำลังสำรองทำผลงานได้ดี จะเป็นในช่วงที่ทีมชุดหลัก ทำผลงานได้ดีมาก ๆ เช่นกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัวหลักพร้อมใจกันเล่นไม่ออก ขุมกำลังสำรองที่มีนี้ ก็แทบไม่สามารถช่วยพลิกสถานการณ์ได้เลย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง เป็นสิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ คงต้องคิดอะไรสักอย่างได้แล้ว เพื่อที่พอฤดูกาลปิดตัวลง สโมสรจะได้มีแนวทางการต่อยอดความสำเร็จที่ชัดเจน และหากเวลานั้นมาถึงก็เชื่อว่า กุนซือชาวเยอรมัน คงมีการบ้านในมือให้ทำอีกเพียบ
- 0
นอกจากการแพร่ระบาดอย่างในหนักของเชื้อไวรัส COVID-19 ในทวีปยุโรป จนทำให้บรรดาลีกชั้นนำของหลายๆประเทศประกาศระงับการแข่งชั่วคราวแล้ว ในประเทศไทยของเรา ศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก รวมทั้งลีกรอง และฟุตบอลถ้วย ก็มีการระงับการแข่งขันเพื่อ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เช่นกัน และในวันนี้เราพามาดูกันว่า บรรดาสโมรฟุตบอลและนักเตะของไทยเรา ทำอะไรกันบ้าง ในวันที่พวกเขา ว่างเว้นจากโปรแกรมการแข่งขันนี้
รูปที่1
ลำปาง เอฟซี – สโมสรรถม้ากรกต หรือลำปาง เอฟซี อีกหนึ่งทีมดังจากลีกพระรองของเมืองไทย อย่างเอ็มร้อยห้าสิบ แชมป์เปี้ยนชิพ ออกมาประกาศ วางโปรแกรมอุ่นเครื่อง 4 นัด กับสโมสรชั้นนำของประเทศไทยหลายทีม ไม่ว่าจะเป็น เอสซีจี เมืองทอง , โปลิศ เทโร , ชลบุรี เอฟซี และการท่าเรือ โดยโปรแกรมการอุ่นเครื่องดังกล่าว สามารถให้แฟนบอลเข้าชมเกมการแข่งขันได้ แต่จะไม่อนุญาตให้รวมเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนปกติ จะให้นั่งกระจายกัน ซึ่งบอลที่เข้ามาชมเกมการแข่งขันดังกล่าวต้องดูแลและป้องกันตนเอง
นิติพงษ์ เสลานนท์ – แบ็คขวาตัวกลั่น วัย 26 ปี จากสโมสรการท่าเรือ รายนี้ ไม่ได้ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่า หลังใช้เวลาช่วงที่สโมสรปล่อยให้หยุดพัก เพื่อเบรกหนีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ดูแลรักษาความฟิตอยู่ที่ยิม ซึ่งปกติ นิติพงษ์ เสลานนท์ ก็มักจะใช้เวลาวันหยุดเข้ายิม เพื่อรักษาความฟิต และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ก่อนจะกลับไปฝึกซ้อมร่วมกับสโมสรตามปกติ
สุโขทัย เอฟซี – เหล่าแฟนบอลของทัพค้างคาวไฟ สุโขทัย เอฟซี ทีมในศึกไทยพรีเมียร์ลีก จัดงานบุญ บวงสรวงอนุสาวรีย์เจ้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เพื่อขเป็นสิริมงคลให้สุโขทัย เอฟซี นักเตะ รวมถึงทีมงานสตาฟโค้ช และเจ้าหน้าของทีมทุกคน ให้พบแต่ความโชคดี ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะกลับมาลงฟาดแข้งอีกหลัง ซึ่งการจัดพิธีบวงสรวงดังกล่าว นำโดย คุณ วัชรินทร์ พุฒฤทธิ์ ประธานแฟนบอลของทีมสุโขทัย เอฟซี นั่นเอง
ชลบุรี เอฟซี – ทัพฉลามชล ชลบุรี เอฟซี อีกหนึ่งทีมดัง จากศึกไทยพรีเมียร์ลีก ยังคงลงซ้อมในสนามปิดอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ปล่อยให้หยุดพักแต่อย่างใด โดยโค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ กุนซือของทีม มีการให้ พิภพ อ่อนโม้ อดีตผู้เล่นและหนึ่งในสตาฟโค้ชของทีม ลงคุมการฝึกซ้อม โดยจะเน้นไปที่ การทำประตู และการจบสกอร์เป็นหลัก สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน นัดต่อไปของ สโมสรชลบุรี เอฟซี หากไม่มีการเลื่อนการแข่งขันออกไปอีก จะเป็นการเปิดบ้านพบกับ ตราด เอฟซี ในวันที่ 19 เมษายนนี้